ร่วมเดินทางไปกับ บ้านและสวน Explorers Club ติดตามเรื่องราวและแรงบันดาลใจจากการเดินทางและพบปะผู้คน ไปพร้อม ๆ กับพวกเราและเหล่านักเดินทางมากมาย วาฬบรูด้า
การเดินทางไปดู วาฬบรูด้า ครั้งนี้ 55 นาทีคือระยะเวลาเดินทางจากออฟฟิศ Explorers Club ไปถึงร้านเจ๋ง ครัวชายทะเล บางขุนเทียน จุดขึ้นเรือออกไปสำรวจวาฬบรูด้าในทะเลอ่าวไทยตอนบนหรืออ่าวตัว ก จุดรวมตัวของแม่น้ำสายหลักของเมืองไทย และที่นี่คือถิ่นที่อยู่ของวาฬและโลมา ที่ว่ากันว่าอาศัยอยู่ที่นี่มาเนิ่นนาน
เที่ยวแบบ One Day Trip รอบกรุงเทพในวันนี้ เรามีโอกาสได้ทดลองขับ Mini Clubman Cooper S รุ่นใหม่เอี่ยม ขอบคุณ MINI Thailand ที่ให้รถมาใช้ในทริปนี้ นั่งสบาย อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบมาก พื้นที่เก็บของเยอะมากๆ
“จะเจอวาฬหรือไม่ ขึ้นอยู่กับแต้มบุญของคุณว่ามีแค่ไหนด้วย” ประโยคทิ้งท้ายหลังจากบรีฟข้อมูลความปลอดภัยของคุณทัวร์ จิรายุ เอกกุล ผู้ก่อตั้ง Wild Encounter Thailand ที่พาเราออกมาสำรวจครั้งนี้ เขาเล่าขยายความรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่คลุกคลีมานานกว่า 10 ปี
“ผมเริ่มจากออกสำรวจตามคำบอกเล่าเรื่องวาฬบรูด้าที่ปรากฏตัวในอ่าวไทย ซึ่งได้ค้นพบว่ามีจริง ลักษณะท่าทางแปลกกว่าที่อื่น ไม่น้อยหน้าทะเลต่างประเทศที่เคยไปสัมผัสมา แต่จะทำอย่างไรให้วาฬเหล่านี้คงอยู่ จะทำท่องเที่ยวอย่างไรให้ทั้งคนทั้งวาฬได้ประโยชน์ร่วมกัน”
ด้วยคำแนะนำจาก ดร. กาญจนา อดุลยานุโกศล กูรูด้านวาฬและโลมาของเมืองไทย ที่มองว่าการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนจะทำให้ทรัพยากรทางธรรมชาติอยู่ได้ในระยะยาว มากกว่าเก็บไว้หรือซ่อนไว้เพียงอย่างเดียว ซึ่งเมืองไทยควรมีการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่มีมาตรฐานและอ่าวไทยตอนบนก็มีศักยภาพที่จะทำเช่นนั้นได้ จึงเกิดเป็น Wild Encounter Thailand
“เมื่อก่อนปัญหาคือการไม่รู้ว่าจะต้องดูวาฬยังไง มันไม่มีขั้นตอนที่บอกแน่ชัด ทุกคนก็แค่อยากจะเห็นวาฬ สิ่งที่มันเกิดขึ้นคือ เรือสี่ห้าลำไล่กวาดวาฬ วาฬก็เริ่มหนี ซึ่งเรารู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว มันเป็นอะไรที่เป็นหายนะ องค์ความรู้มันก็ยังไม่ทั่วถึง ในเมื่อ พรบ.ยังไม่มี ซึ่งวาฬบรูด้าเป็นสัตว์ป่าสงวน จะมีเพียงบทบัญญัติเพื่อป้องกันเท่านั้น ต่างจากเมืองนอกที่จะมีพรบ.คุ้มครองสัตว์จากการท่องเที่ยว”
“ผมจึงเซตมาตรฐานการดูวาฬบรูด้าเชิงอนุรักษ์ขึ้น ศึกษา เรียนรู้ ทำวิจัย ทำความเข้าใจทางกายภาพ ต้องทิ้งระยะห่างเท่าไหร่จากตัววาฬ เสียงรบกวนต้องน้อยแค่ไหน ความเร็วของเรือต้องเท่าไหร่ และเรายังเป็น Citizen Scientist ที่ส่งข้อมูลกลับไปยังกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม”
“อย่างปีนี้ Wild Encounter Thailand สำรวจเจอลูกวาฬเกิดใหม่ถึง 6 ตัวซึ่งคิดเป็นเกือบ 10 % ของประชากรวาฬในอ่าวไทยตอนบน และ 3 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ เราเจอวาฬบาดเจ็บบริเวณหลัง ครีบหายไปทั้งยวง ซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไร หายไปไหน ไม่รู้ว่าไปโดนอะไรมา”
“ข้อมูลเหล่านี้ถูกส่งไปยังเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อให้ได้ตามหา ช่วยกันรักษา และป้องกันภัยคุกคามกำลังจะเกิดขึ้นกับวาฬ มันคือระบบการท่องเที่ยวแบบยั่งยื่นที่เราเซตขึ้น และหวังไว้ว่าจะมีคนทำตามข้อมูลเหล่านี้ในอนาคต”
การอ้าปากกว้างให้เหยื่อว่ายเข้ามาติดกับ หรือ Trap Feeding คือท่าท่างที่เป็นเอกลักษณ์ของวาฬบรูด้าอ่าวไทยที่เป็นแรงดึงดูดให้ผู้คนอยากเห็นด้วยตาสักครั้ง แต่นั้นไม่ใช่เรื่องที่เราสามารถควบคุมได้เช่นเดียวกับทริปวัดดวงครั้งนี้
แต่ยังดีที่โชคเข้าข้างเรา และชั่วโมงครึ่งหลังจากเรือลอยล่องออกจากฝั่ง ทุกคนได้รับสัญญาณให้เพ่งไปที่เส้นขอบฟ้าตรง “1 นาฬิกา” (ด้านหน้าค่อนไปทางขวาเล็กน้อยวัดจากหัวเรือ) สังเกต Blow หรือละอองน้ำจากการหายใจออกแรงๆที่พวยพุ่งส่งสัญญาณให้รู้ว่า ทริปนี้ยังดีที่โชคชะตาเข้าข้างเรา ก่อนที่วาฬบรูด้าเจ้าถิ่นออกมาต้อนรับโชว์ตัวมากถึง 4 ตัวพร้อมๆ กัน
พวกเราขอแนะนำการท่องเที่ยวธรรมชาติอย่างอนุรักษ์ ไม่รบกวนสัตว์และสิ่งแวดล้อม เคารพกฏกติกาของการดูวาฬ เคารพมาตรการป้องกันโรคติดต่อ
โทรจองก่อนเท่านั้น มีการจำกัดจำนวนเรื่องและจำนวนคน ไม่ให้รบกวนฝูงวาฬและโลมา
ทำตามที่ไกด์แนะนำหรือห้ามทำอย่างเคร่งครัด ตรงเวลา เตรียมอุปกรณ์กันฝน กันเมาเรือ และอุปกรณ์ถ่ายภาพแบบพอดีๆ เราแนะนำว่าดูตาเปล่าฟินที่สุด
ออกไปสำรวจและบันทึกเรื่องราววาฬบรูด้าอย่างยั่งยืน กันได้ที่ Wild Encounter Thailand หรือโทร.0833759696
[ EXPLORERS ]
เจ, จ๋อม, เฟี้ยต, โก๋
จิรายุ เอกกุล: “ทัวร์ท่องเที่ยวที่สัตว์ป่าไม่ได้ประโยชน์ ไม่ใช่ความยั่งยืนที่แท้จริง”
