โรงเรียนสำหรับนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในธรรมชาติ มีป่าเป็นห้องเรียน มีครูผู้เชี่ยวชาญจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และใช้อุปกรณ์แคมปิ้งเป็นอุปกรณ์การเรียน กับบทเรียนสองวันหนึ่งคืนที่จะเปลี่ยนการเดินป่าด้วยเท้าเป็นการเดินป่าด้วยหัวใจที่ไม่จำกัดเพศและวัย ใคร ๆ ก็เรียนได้ที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จังหวัดน่าน
จุดเริ่มต้นของโปรเจ็กต์สุดเจ๋งนี้เกิดจากการพูดคุยของคนกลุ่มเล็ก ๆ เพียงกลุ่มหนึ่งที่มองเห็นความเป็นได้ว่า เราสามารถมีนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพเพื่อไปสู่การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ยั่งยืนได้ และมันสมควรแก่เวลาแล้วที่บ้านเราจะมีการให้ความรู้ขั้นพื้นฐานที่ถูกต้องในการเดินป่าไปสู่บุคคลทั่วไป
คุณใหญ่ – ธำรงรัตน์ ธนภัคพลชัย นักวิชาการป่าไม้ปฎิบัติการ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยภูคา เล่าให้เราฟังว่า เขาได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับ คุณงบ – ธัชรวี หาริกุล เจ้าของแบรนด์ Thailand Outdoor ที่เหล่ามิตรสหายสายแคมป์ต้องคุ้นหูกับชื่อของร้านที่รวบรวมอุปกรณ์แคมปิ้งเดินป่าชื่อนี้เป็นอย่างดี
หลังจากที่ทั้งสองคนตัดสินใจเริ่มทำโครงการนี้ ก็ได้ลงมือออกสำรวจพื้นที่และพบว่า ที่ภู1700 คือสถานที่ที่เหมาะสมในการเปิดเป็นเส้นทางเพื่อการให้ความรู้แก่ผู้ที่สนใจกิจกรรมการเดินป่า เนื่องจากระยะทางไม่ไกลจนเกินไปและมีเส้นทางเดินที่อยู่ในระดับที่ไม่ยาก ประกอบกับพื้นที่เอื้ออำนวยต่อการตั้งแคมป์ ถ้าพูดกันให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ เดินง่าย วิวสวย อากาศดี พื้นที่อำนวย ทุกอย่างลงตัวเป๊ะขนาดนี้ไม่ทำไม่ได้แล้ว!
แต่ทุกอย่างก็คงจะเป็นได้แค่ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ถ้าหากไร้การสนับสนุนของผู้ที่มีอำนาจและผู้บังคับบัญชา หลังจากที่คุณใหญ่ได้นำโครงการนี้มาเสนอ หัวหน้าตี๋ – ฉัตรชัย โยธาวุธ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ด้วยประสบการณ์การทำงานมาอย่างยาวนาน ทำให้หัวหน้าตี๋มองเห็นภาพในอนาคตที่สดใส และประโยชน์อีกมากมายของโครงการนี้ได้อย่างไม่ยาก และไม่รอช้าที่จะตอบตกลงในทันที…ในที่สุดด่านแรกก็ผ่านแล้ว
ตอนนี้ทุกอย่างกำลังไปได้สวย แต่การจะเปิดโรงเรียนนักเดินป่าอย่างถูกต้องและสมบูรณ์แบบได้ก็ต้องมีการรับรู้ รับทราบ และรับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาในระดับสูงขึ้นไปอีก ผอ.เป้ – ชิดชนก สุขมงคล ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 คือด่านสำคัญที่จะทำให้โรงเรียนแห่งนี้เกิดขึ้น…..และทุกอย่างก็ราบรื่นผ่านฉลุย เหมือนกับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่อยู่ในใจของทุกคนที่กำลังรอเพียงก้าวแรกของการเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
ด้วยวิสัยทัศน์ของ ผอ.เป้ ที่มองเห็นแล้วว่าสิ่งนี้สามารถต่อยอดแตกกิ่งด้านสาขาออกไปได้อีกมากมาย และในอนาคตอาจจะมีโรงเรียนนักเดินป่าเกิดขึ้นตามมาอีกหลายที่ก็เป็นได้ ด้วยแรงสนับสนุนของผู้บังคับบัญชาทุกภาคส่วน และการมีที่คุณงบ ผู้ที่มีประสบการณ์ด้านการเดินป่ามามากมายทั้งใน และต่างประเทศมาเป็นที่ปรึกษา ในที่สุดโรงเรียนนักเดินป่าแห่งแรกของประเทศไทยก็เกิดขึ้น
เดินป่าทำไมต้องเรียน
ดูเหมือนเป็นคำถามที่หลายคนอาจสงสัย จริง ๆ แล้วเรื่องของการเดินป่ามันไม่ใช่แค่เพียงความพร้อมของอุปกรณ์เท่านั้น แต่การเดินเข้าไปท่องเที่ยวลักษณะนี้การปฏิบัติตัวต่อสถานที่ และการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติ มันเป็นเรื่องสำคัญ เราเคยเบื่อหน่ายกับการไปที่ไหนสักที่ แล้วเห็นเศษขยะเกลื่อนกลาดตามทาง เราอาจคิดไม่ถึงว่าสิ่งที่ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างเศษห่อลูกอมที่ตกอยู่ในป่า จะสร้างความเสียหายได้ขนาดไหน และจะเป็นเรื่องใหญ่สักเท่าไหร่กันเชียว
อย่าลืมว่าเราไม่ได้ไปป่าคนเดียว และเราก็ไม่ใช่คนเดียวที่พกลูกอมไป ลองคิดเล่น ๆ ว่าถ้าขยะแปลกปลอมนี้มาจากทุกคนที่เข้าไป ในหนึ่งปีมันจะมีขยะเล็ก ๆ แบบนี้อยู่กี่ชิ้น ต่อให้เป็นขยะที่สามารถย่อยสลายได้อย่างจำพวกเศษอาหาร ถ้ามีการกำจัดแบบไม่ถูกวิธี ก็ส่งผลต่อสภาพแวดล้อมได้เหมือนกัน นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่ยกตัวอย่างมาเท่านั้น ยังไม่นับรวมถึงเรื่องการทำลายธรรมชาติอีกหลายแบบ ทั้งแบบตั้งใจ และแบบไม่ตั้งใจ ธรรมชาติที่สวยงามต้องเกิดขึ้นจากการรู้จักรักษา และก็ควรรักษาแบบถูกวิธี
ที่โรงเรียนนักเดินป่าจะสอนทุกอย่างที่เป็นขั้นพื้นฐาน ตั้งแต่การจัดของในกระเป๋า เซ็ตอัพเป้สัมภาระ หรือแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของการผูกเชือกรองเท้าสำหรับการเดินป่าที่เรามองข้าม จนไปถึงการขุดหลุมขับถ่ายอย่างถูกต้อง และยังมีรายละเอียดยิบย่อยอีกมากมายที่พวกเรานึกไม่ถึง การมาที่นี่มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าได้ย้อนเวลามาเรียนวิชาลูกเสือแบบแอดวานซ์ไปอีกขั้น
เรียนยังไง
เริ่มต้นจากคุณต้องเรียนและทำแบบฝึกหัดผ่านระบบออนไลน์เป็นอย่างแรก หลังจากที่คุณผ่านแล้วก็ให้โหลดใบรับรองมาเก็บไว้ ซึ่งใบรับรองนี้จะไม่มีวันหมดอายุ และหลังจากนั้นก็ให้คุณคอยติดตามข่าวสารของเพจโรงเรียนนักเดินป่า และสำคัญที่สุดคือสมัครให้ทัน!!! เพราะในแต่ละรอบจะมีการจำกัดจำนวนผู้เรียน และถ้าคุณผ่านด่านสมัครมาแล้วที่เหลือก็มาที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคามาทำกิจกรรมกันที่นี่ และอีกอย่างที่สำคัญเลยก็คือทุกคนที่เข้ามาเรียนต้องทำการตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 มาเรียบร้อยแล้ว
สอนอะไร
บทเรียนแรกหลังจากที่คุณมาถึง พวกเราทุกคนต้องนั่งฟังการบรรยายเพื่อทำความรู้จักกับสถานที่ และวัตถุประสงค์ของหลักสูตรนี้ หลังจากนั้นครูฝึกจะแนะนำวิธีการเซ็ตอัพเป้และการจัดเก็บสัมภาระที่ถูกต้อง และแน่นอนว่าถ้าใครยัดเก็บมาแบบมั่ว ๆ โดนรื้อจัดใหม่แน่นอน และถ้าทุกอย่างพร้อมก็นั่งรถของอุทยานไปลงตรงทางขึ้นภู1700 ได้เลย ในระหว่างทางครูฝึกจะสอนพวกเราไปเรื่อย ๆ เป็นระยะ ๆ เกี่ยวกับเรื่องของความสำคัญของธรรมชาติที่เราควรรู้หลายประเด็น แต่เราไม่ขอบอกรายละเอียดดีกว่า ขอแนะนำว่าต้องมาลองดูเอง
พอถึงที่พักก็ฟังคำแนะนำเรื่องของพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับกางเต็นท์ บางเรื่องนี่ต้องบอกว่าทำผิดมาตลอด พวกเราบางคนเองเพิ่งจะตาสว่างก็ตอนนี้ ใครจะไปคิดว่าการกางเต็นท์ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ที่ดูเหมือนจะสบายช่วยบังแดด บังฝนได้ดี จะเป็นสิ่งที่ถูกห้ามเพราะกิ่งไม้ชิ้นใหญ่อาจหักและร่วงหล่นมาสร้างความอันตรายได้แบบไม่รู้ตัว ยิ่งโดยในฤดูฝนที่มีลมแรง
หลังจากนั้นพวกเราก็เดินขึ้นไปชมวิวแบบ 360 องศากันบนยอดดอยที่ไม่ไกลจากจุดพักมากนัก ต้องบอกว่าแม้จะเป็นระยะทางเดินขึ้นเขาที่ไม่ไกล แต่วิวที่นี่ก็ไม่แพ้ที่อื่น ๆ เลยทีเดียว
สำหรับมื้ออาหารเย็นพวกเราบางส่วนที่เป็นนักเรียนจะช่วยกันเตรียมกันคนละไม้คนละมือ ส่วนเมนูใหญ่ ๆ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะอาสาเป็นพ่อครัวแม่ครัวจัดการให้ รับรองว่าเมนูที่นี่อร่อยไม่แพ้อาหารเหลาแน่นอน พอหัวค่ำก็นั่งล้อมวงพูดคุยเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้กับครูฝึก และบางครั้งจะมีแขกรับเชิญพิเศษมาบรรยายให้เราฟังด้วย
ครั้งนี้เราได้มีโอกาสพูดคุยกับบุคคลที่ทำให้พวกเราทุกคนที่นี่ใจเต้นแรง เป็นบุคคลผู้เป็นแรงบันดาลใจ และมีความสำคัญของแวดวงการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าของไทย เป็นผู้อยู่เบื้องหลังภาพถ่ายสัตว์ป่ามามากกว่า 30 ปี หม่อมเชน – มล. ปริญญากร วรวรรณ นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมที่ได้ร่วมเดินป่าและพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กันแบบระยะเผาขนกับบุคคลระดับตำนานแบบนี้ บอกตรง ๆ ว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงเลยทีเดียว
สิ่งที่เราได้จากหม่อมเชนคืนนั้นมันทำให้เรามีทัศนคติต่อป่าและสัตว์ป่าเปลี่ยนไปอย่างมาก “ความเคารพต่อป่าและสัตว์ป่า” คือเรื่องสำคัญที่เราควรระลึกเสมอในทุกครั้งที่ไปเยี่ยมเยียนและย่ำเท้าก้าวเข้าไปในป่า
ประสบการณ์สามสิบกว่าปีของหม่อนเชนถูกสรุปเอาไว้อย่างเข้าใจง่ายในค่ำคืนนั้น แต่พวกเรายังไม่ขอเล่าให้ฟังในคราวนี้ คงต้องรอติดตามกันอีกทีใน ‘MEET’ บทสัมภาษณ์ของแขกรับเชิญสุดพิเศษนี้ในคราวต่อไป
พอรุ่งเช้าหลังจากที่ทุกคนต่างจัดการมื้อเช้า เก็บเต็นท์และสัมภาระของตัวเองจนเสร็จ ก็จะเข้าสู่บทเรียนการผูกเปล และทบทวนสิ่งที่เรียนมาไปอีกนิดหน่อย จากนั้นก็เดินทางลงเขากลับอุทยาน ก็เป็นอันเสร็จสิ้นจบหลักสูตรหนึ่งคืนสองวัน และหลังจากนี้ทุกคนที่เข้าอบรมก็จะได้ใบรับรองส่งเป็นที่ระลึกตามไป
เรียนแล้วได้อะไร
มีหลายเรื่องที่พวกเราได้จากสิ่งนี้ ไม่รู้ว่าคุณจะเดินป่ามากี่ที่ และเก่งกาจมากแค่ไหนก็หมดสิทธิ์มาที่นี่ ถ้าไม่ได้สมัครเข้ามาที่โรงเรียนนักเดินป่าแห่งนี้ ภู1700 คือสถานที่ที่ถูกสงวนเอาไว้เพื่อการเรียนรู้เท่านั้น ที่สำคัญการมาเรียนที่นี่มันไม่เสียค่าบริการอะไรเลยนอกจากค่าทำเนียมแสนถูกในการเข้าอุทยาน นอกจากความรู้ขั้นพื้นฐานและการเตรียมตัวสำหรับกับกิจกรรมการท่องเที่ยวเดินป่า และการที่ต้องแบกสัมภาระเข้าไปในเองป่าแล้ว การพกพาทัศนคติที่ดีต่อธรรมชาติติดตัวไปด้วยดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่พวกเราได้จากที่โรงเรียนนี้เช่นกัน….
ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาตืดอยภูคาทุกท่าน ที่อำนวยความสะดวกให้พวกเราในครั้งนี้
FB: โรงเรียนนักเดินป่า อุทยานแห่งชาติดอยภูคา | https://bit.ly/3hmmh9f
EXPLORERS : บาส, ต้น
PHOTOGRAPHER : ศุภกร ศรีสกุล