มาเก๊า เกาะที่เชื่อมต่อด้วยสะพานไปยังเมืองต่าง ๆ อย่าง ไทปา และโคโลอาน ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวเมืองเล็กๆแบบนี้สะดวกขึ้น ความสนุกอย่างหนึ่งของผม คือการเดินเที่ยวชมบ้านชมเมือง แวะเช็คอิน ชิมและชิลโดยไม่เบื่อ และเชื่ออยู่เสมอว่าการเดินมันทำให้เราได้เห็นเรื่องราวระหว่างทางได้ชัดเจนขึ้น
เขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประกอบไปด้วยคาบสมุทรที่ติดกับแผ่นดินใหญ่ มีเกาะสองเกาะ คือเกาะไทปา และโคโลอาน และมีการถมทะเลระหว่างเกาะไทปาและโคโลอานแล้วเรียกชื่อเมืองใหม่นี้ว่า โคไท ซึ่งเป็นการผสมคำกันระหว่างโคโลอานกับไทปา เป็นแหล่งความบันเทิงสมัยใหม่จะอยู่ที่โคไท
เที่ยวบ้านชมเมืองครั้งนี้ผมจะเน้นเที่ยวเมืองหลักอย่างมาเก๊าเมืองเก่า ที่เป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของมาเก๊า (Historic Centre of Macao) ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโก (UNESCO) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 ไล่ลงไปไทปาและโคโลอาน ถึงแม้ว่าจะอยู่ในประเทศเดียวกันแต่เอกลักษณ์ของเมืองนั้นก็ไม่ซ้ำกันเลย
สักกี่วันถึงจะเพียงพอสำหรับการเดินเที่ยว?
สำหรับผม วันละโซนกำลังดี ไม่ต้องวิ่ง ไม่ต้องรีบ 2 คืน 3 วัน เที่ยวครบทุกที่ที่อยากไป แบบมีเวลาเหลือให้หายใจ หัวเราะ หรือแค่นั่งเฉย ๆ มองผู้คนผ่านไปมา
ทุกวันนี้พวกเราต่างใช้ชีวิตแข่งกับเวลา เร่งรีบจนบางครั้งลืมไปว่าความสุขจริง ๆ อาจซ่อนอยู่ในจังหวะที่ช้าลงบ้าง การได้ออกมาเดินทางจึงไม่ใช่แค่การไปถึงจุดหมาย แต่เป็นโอกาสให้เราได้อยู่กับสิ่งที่ตั้งใจมาหา ใช้เวลากับมันอย่างเต็มที่ อย่างที่ชีวิตควรได้รับเป็นรางวัล
“อย่าให้ตารางเวลาแน่นเป๊ะมาขโมยความสุขของเราไปเลย”
ผมแบ่งเส้นทางการเดินท่องเที่ยวไว้สามย่านดังนี้
ย่านโซนเมืองเก่า (Historic Centre of Macao)
ศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของมาเก๊า (Historic Centre of Macao) โซนนี้เป็นหัวใจของมาเก๊า เต็มไปด้วยกลิ่นอายวัฒนธรรมโปรตุเกสผสมจีนอย่างลงตัว เดินเล่นตามถนนเก่าแคบ ๆ ที่สองข้างทางเต็มไปด้วยโบสถ์คาทอลิก อาคารเก่าแก่ และร้านขนมท้องถิ่น จุดเด่นคือ ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล และ จัตุรัสเซนาโด ที่เป็นมรดกโลก ซึ่งถ้าใครมาครั้งแรกแล้วไม่แวะ ถือว่าพลาดมาก
ย่านโซนไทปา (Taipa)
เป็นย่านที่ผสมผสานความเป็นเมืองใหม่เข้ากับวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม บ้านเรือนสไตล์โคโลเนียลยังคงอยู่ รวมถึงตรอกเล็กตรอกน้อยที่เต็มไปด้วยของกินพื้นเมืองอย่าง ทาร์ตไข่, หมูแผ่น, และคุกกี้อัลมอนด์ นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์และบ้านเก่าที่เปิดให้เข้าชม เหมาะกับคนที่ชอบเดินชิล ๆ ถ่ายรูปสวย ๆ
ย่านโซนโคโลอาน (Coloane)
ถ้าอยากสัมผัสธรรมชาติและความสงบของมาเก๊า ต้องไม่พลาดโคโลอาน เป็นโซนที่ยังคงความดั้งเดิมมากที่สุด มีทั้งชายหาด วัดจีน และเส้นทางเดินเขาแบบเบา ๆ ที่มองเห็นวิวทะเล นอกจากนี้ยังมีร้านเบเกอรี่ต้นตำรับของ ทาร์ตไข่ลอร์ด สโตว์ (Lord Stow’s Bakery) ที่ไม่ว่าใครก็ต้องแวะ
มีคนเคยบอกว่า ถ้าอยากรู้จักมาเก๊าจริง ๆ ต้องเริ่มต้นที่ “มาเก๊าเมืองเก่า” เพราะนี่แหละคือหัวใจของประวัติศาสตร์เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ โซนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของอดีต และเรื่องราวที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมจีนและยุโรปได้อย่างมีเอกลักษณ์
เขตเมืองเก่าของมาเก๊ามีทั้งอาคารประวัติศาสตร์ถึง 22 แห่ง และจัตุรัสสวย ๆ อีก 8 แห่ง ที่เชื่อมโยงกันด้วยถนนสายเล็ก ๆ ให้เราเดินตามได้แบบเพลิน ๆ ทั้งหมดนี้กระจุกตัวอยู่ในใจกลางเมือง เดินเท้าอย่างเดียวก็เที่ยวได้ครอบคลุม
ลองเริ่มต้นทริปที่ วัดอาม่า (A-Ma Temple) ทางตอนล่างของเมือง จุดนี้เปรียบเสมือนรากเหง้าทางจิตวิญญาณของชาวมาเก๊า และเป็นจุดเริ่มต้นของชื่อ “มาเก๊า” อีกด้วย
จากนั้นค่อย ๆ เดินเรื่อยๆขึ้นไปทางทิศเหนือ ระหว่างทางเราจะเห็นภาพของการเปลี่ยนผ่านเวลาชัดเจน จากบ้านเรือนจีนโบราณแบบเรียบง่าย ไปจนถึงอาคารยุคอาณานิคมที่ตกแต่งด้วย สถาปัตยกรรมแบบบาโรก และสีพาสเทลอ่อนหวาน มีเสน่ห์ในแบบโปรตุเกสที่ไม่เหมือนใคร
ตลอดเส้นทางคุณจะพบกับมรดกโลกอย่าง ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul’s), จัตุรัสเซนาโด (Senado Square) ที่ปูด้วยกระเบื้องลวดลายสวยงามเหมือนคลื่นน้ำ และโบสถ์เซนต์โดมินิค (St. Dominic’s Church) ที่ซ่อนความอลังการไว้อย่างอบอุ่น
A Abelha da China ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นที่นี่
นี่ไม่ใช่เพียงแค่การเดินชมเมือง แต่มันคือการเดินผ่านหน้าประวัติศาสตร์มาเก๊า ที่ยังหายใจอยู่ในทุกตึก ทุกตรอก และทุกจัตุรัส
หนึ่งในเกาะของมาเก๊า ที่ต่อขยายมาจากฝั่งแผ่นดินใหญ่ เชื่อมกับโคโลอานและตัวเมืองด้วยสะพาน
ที่นี่คือความลงตัวของอดีต-ปัจจุบัน เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ในตัวเอง ไม่เร่งรีบ ไม่วุ่นวาย ย่านนี้นับเป็นสตรีทฟู๊ด ถ้าคุณเป็นสายกินที่นี่เหมาะกับคุณ ใช่ว่าจะเด่นเรื่องอาหารอย่างเดียว ที่โซนไทปานี้มีอาคารที่มีสถาปัตยกรรมตึกสีพาสเทลสไตล์โปรตุเกสเรียงรายอยู่หลายแห่ง
หมุดหมายสำคัญที่ไม่อยากให้พลาดอยู่ที่ Taipa Houses Museum บ้านสไตล์โคโลเนียลสีเขียวอ่อนริมทะเลสาบ เหมือนได้เดินผ่านกาลเวลาเข้าไปดูชีวิตคนโปรตุเกสในมาเก๊าเมื่อหลายร้อยปีก่อน วิวพระอาทิตย์ตกริมทะเลสาบที่นี่ก็โรแมนติกสุด ๆ
ตั้งอยู่ทางใต้สุดของมาเก๊า ติดกับทะเลจีนใต้ ที่นี่ไม่ได้มีแค่วิวทะเลสวย ๆ แต่ยังมีเส้นทางเดินเทรลที่ขึ้นชื่อว่างดงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง เหมาะทั้งสายเดินป่า สายแคมป์ และสายเช็กอินวิวธรรมชาติแบบไม่ต้องปีนเขาให้เหนื่อยใจ
ความน่ารักของย่านนี้ คือ “หมู่บ้านชาวประมงเก่า” ที่ยังคงกลิ่นอายความดั้งเดิมให้เห็น ทั้งอู่ต่อเรือแบบโบราณ ที่ยังพอให้จินตนาการถึงชีวิตริมทะเลในวันวานได้ชัดเจน แล้วก็อย่าพลาด “ลอร์ด สโตว์ เบเกอรี่” (Lord Stow’s Bakery) ร้านทาร์ตไข่ชื่อดังที่ใคร ๆ ก็ยกให้เป็นต้นตำรับของทาร์ตไข่มาเก๊า กรอบนอก นุ่มใน หวานหอมไม่เกรงใจแคลอรี! ลองแล้วติดใจ
อยากพักผ่อนแบบชิล ๆ ก็แวะไปที่ ชายหาดฮักซา (Hac Sa Beach) หาดทรายสีเข้มที่เป็นจุดปิกนิกยอดฮิตของคนท้องถิ่น และถ้าอยากอินกับชีวิตแบบ outdoor มากขึ้นอีกนิด ก็ตรงไปที่ สวนสาธารณะฮักซา ที่เป็นพื้นที่ให้ประชาชนมากางเต็นท์ ทำอาหาร ปิ้งบาร์บีคิว และนั่งมองพระอาทิตย์ตกได้แบบฟรี ๆ ไม่มีเซอร์วิสชาร์จ
สำหรับสายชอบสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ อย่าลืมแวะชม โบสถ์เซนต์ฟรานซิสซาเวียร์ (St. Francis Xavier Chapel) โบสถ์เล็ก ๆ สไตล์บาโรก สีเหลืองครีมตัดขาว ที่สวยละมุนละไมทั้งภายนอกและภายใน แถมยังเคยเป็นที่เก็บโบราณวัตถุทางศาสนาสำคัญของคริสต์ศาสนาในเอเชียอีกด้วยนะ
และปิดท้ายวันด้วยการเติมพลังใจ ที่ A Ma Cultural Village แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สายมูไม่ควรพลาด เพราะมี องค์เจ้าแม่ทับทิม (A-Ma) ให้ได้กราบไหว้ ขอพรให้สมหวังปลอดภัยในการเดินทาง
“จากสิ่งที่ผมได้เห็นและสัมผัสในมาเก๊า มันไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่หรือภาพที่ถูกบันทึกไว้ในความทรงจำเท่านั้น แต่มันได้กลายมาเป็นเรื่องเล่าและภาพถ่ายสวยงาม ที่กำลังส่งต่อถึงคุณในตอนนี้”
ถ้ามีใครบางคนถามคุณว่า “ไปทำไมมาเก๊า ไม่เห็นจะมีอะไรเลย” บางทีคำตอบอาจไม่สำคัญเท่ากับความหมายที่เราพบเจอระหว่างทาง เพราะ “อะไร” สำหรับแต่ละคน ไม่ได้มีค่าเท่ากันเสมอไป สิ่งที่ไม่มีอะไรสำหรับใครบางคน อาจเป็นทุกอย่างสำหรับใครอีกคนก็ได้
EXPLORERS: ตู่, บาส, นัท, ปิง, แพรวา, ปุ๊กกี้, นัด, ปลา
AUTHOR: ตู่-ไตรรัตน์ ทรงเผ่า
PHOTOGRAPHER: แพรวา-กรานต์ชนก บุญบำรุง
GRAPHIC DESIGNER: แป้ง-ปทุมวดี เนยเขียว
