สถานที่แห่งนี้คือสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ และความงดงามของสรรพชีวิตใต้ผืนมหาสมุทร ซึ่งมีตั้งแต่สัตว์น้ำตัวน้อยและใหญ่แห่งท้องทะเลไต้หวัน ไปจนถึงเพนกวินแห่งขั้วโลกใต้ และวาฬเบลูกาแห่งขั้วโลกเหนือ เหล่าตัวแทนสัตว์น้ำจากน่านน้ำสากลรอบโลก มีบทบาทครอบคลุมทั้งเรื่องสถานที่ถ่ายทอดองค์ความรู้ สร้างความตื่นตา และผลักดันด้านการอนุรักษ์ ไปจนถึงด้านการศึกษาและการวิจัยทางทะเลระดับนานาชาติ ที่นี่คือ พิพิธภัณฑ์ชีววิทยาทางทะเลและพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งชาติ (National Museum of Marine Biology and Aquarium) หรือ NMMBA หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลก

National Museum of Marine Biology and Aquarium หรือ NMMBA ตั้งอยู่ที่เมืองเชอเฉิง (Checheng Township) มณฑลผิงตง (Pingtung County) ดินแดนใต้สุดของไต้หวันที่ ปลา-อาศิรา พนาราม รองบรรณาธิการบริหาร นิตยสาร National Geographic ฉบับภาษาไทย นิยามว่า สวรรค์แห่งธรรมชาติและโลกใต้ทะเล
NMMBA มีพื้นที่ติดกับภูเขาเต่า (Tortoise Mt.) ทางทิศตะวันออก โดยที่ตัวอาคารทั้งหมดหันหน้าออกสู่ช่องแคบไต้หวันทางทิศตะวันตก เป็นอาณาจักรโลกใต้ทะเลที่ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 60 เฮกตาร์ (600,000 ตารางเมตร) และหากนับเฉพาะส่วนพิพิธภัณฑ์เพียงอย่างเดียวก็มีพื้นที่ครอบคลุมถึง 35.81 เฮกตาร์ หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของพื้นที่ทั้งหมดก็ว่าได้

อาคารพิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็น 3 อาคาร แยกส่วนจัดแสดงออกเป็น อาคารน่านน้ำไต้หวัน (Waters of Taiwan) อาคารอาณาจักรปะการัง (Coral Kingdom Pavilion) และอาคารน่านน้ำสากล (Waters of the World) นอกจากอาคารพิพิธภัณฑ์ทั้ง 3 หลัง ยังมีศูนย์อนุบาลสัตว์น้ำ อาคารศูนย์วิจัยทางวิชาการที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในงานอนุรักษ์
3 ชั่วโมงต้องมนต์ กับการท่องโลกใต้น้ำ
การเดินทางมาที่ผิงตงครั้งนี้ พวกเรามีโอกาสได้เยี่ยมชมส่วนจัดแสดงหลักของ NMMBA ทั้ง 3 อาคาร โดยเริ่มจากอาคาร Water of the World ที่จัดแสดงความหลากหลายทางชีวภาพจากน่านน้ำสากลรอบโลกไว้อย่างน่าสนใจ อาทิ ตู้จัดแสดงป่าเคลป์ (Kelp Forest Tank) โลกใต้น้ำของสาหร่ายเคลป์ พืชทะเลที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศในเขตมหาสมุทรแปซิฟิกไปจนถึงแอตแลนติก


ป่าสาหร่ายเคลป์แห่งนี้จำลองสภาพป่าที่พบตามแนวชายฝั่งแปซิฟิกของอเมริกาเหนือ ในบทความที่ปลา-อาศิรา เขียนไว้ใน ngthai.com ระบุความสำคัญของป่าเคลป์ไว้ว่า เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ทะเลมากมาย เช่น ปลา แมวน้ำ นากทะเล และหอยเม่น และเหตุผลที่เราเรียกกลุ่มสาหร่ายที่หนาแน่นเช่นนี้ว่าป่า ก็เพราะสาหร่ายเคล์ปมีลักษณะสูงชะลูดขึ้นไปหาแสง บางชนิดเติบโตได้ยาวถึง 60 เมตร กระเปาะกลม ๆ ตามลำต้นช่วยให้ลอยตัวขึ้นรับแสงอาทิตย์ได้ นอกจากนั้นป่าเคล์ปยังทำหน้าที่ลดความแรงของคลื่น และดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้เป็นจำนวนมาก

ในขณะที่ผม (ผู้เขียน) เพลิดเพลินอยู่กับการเย๊าแหย่กับเหล่าเพนกวินแสนน่ารัก ที่ว่ายน้ำเล่นอยู่ใน The Penguin Tank ตู้รักษาอุณหภูมิแบบขั้วโลกร่วม 20 นาที สมาชิกคนอื่น ๆ ก็แยกตัวไปเดินชมส่วนจัดแสดงในโซนอื่น ๆ ทั้ง ส่วนจัดแสดงระบบนิเวศใต้น้ำที่นำเสนอผ่านเทคโนโลยี แสง สี เสียงที่สร้างความตื่นตาตื่นใจอย่างสร้างสรรค์ ช่วยดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้ดีมาก แน่นอนว่าสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็ก ๆ ที่ได้ชม เสมือนว่าพวกเขากำลังได้รับการปลูกฝังให้เกิดความหวงแหนต่อความงดงามของโลกใต้ผืนทะเลไปอย่างไม่รู้ตัว


หรือแม้แต่โซน The Deep Sea ที่มีการจำลองบรรยากาศจากโลกใต้ทะเลลึกมาไว้ในโถงทางเดิน ก็เป็นโซนจัดแสดงที่ออกแบบประสบการณ์ ณ ใต้ทะเลลึกได้อย่างเพลิดเพลิน ผ่านการฉายภาพผ่านระบบอินเตอร์แอคทีฟทั้งบนพื้นและผนัง มีเหล่าแพลงก์ตอนที่สามารถเคลื่อนไหวเหมือนจริงตามธรรมชาติ รวมถึงโซนจัดแสดงสิ่งมีชีวิตเรืองแสงจากใต้ทะเลลึก หรือ Bioluminescent Animals กลไกการดำรงชีวิตที่น่าอัศจรรย์จากพืช เชื้อรา และสัตว์ทะเลน้ำลึกบางชนิด ก็ทำออกมาได้ดีในแบบคำศัพท์วัยรุ่นชอบพูดกันว่า ‘ทำถึง’ มาก ๆ

สำรวจโลกใต้ทะเลแบบใกล้ชิด
จากนั้นเราข้ามมายังอาคารจัดแสดงโซน Water of Taiwan ที่เรียงร้อยเรื่องราวในระบบนิเวศแห่งสายน้ำ จากยอดเขาต้นน้ำ ไหลลงสู่แม่น้ำ ไปบรรจบกับมหาสมุทร เริ่มจากโซนจัดแสดงย่อยอย่าง High Mountain Stream ที่เล่าเรื่องความสำคัญของป่าที่ทำหน้าที่ช่วยกักเก็บน้ำ โซน Middle River ที่เล่าเรื่องพืชน้ำจืดที่เจริญเติบโตไปเป็นแหล่งอนุบาลของสัตว์ทะเล

โซน Oyster Farming จัดแสดงการเพาะเลี้ยงหอยนางรมแบบดั้งเดิมในทุ่งเลี้ยงหอยบริเวณชายฝั่งตะวันตกของไต้หวัน ไปจนถึงโซน Touch Pool ที่เปิดโอกาสให้เราได้ลองสัมผัสกับสัตว์ทะเลตัวเป็น ๆ ได้ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยให้ข้อมูลและดูแลอย่างใกล้ชิด อาทิ ปลิงทะเล ปลาดาว เม่นทะเล เป็นต้น แน่นอนว่าผู้เขียนย่อมพลาด! แบบตั้งใจ (สังเกตได้จากภาพประกอบ)


และแล้วก็มาถึงโซนที่พวกเราประทับใจที่สุดโซนหนึ่งของการเดินชม คือโซน Coral Kingdom Pavilion ที่ต้องไฮไลต์ไว้เลยว่า ห้ามพลาด!


นี่คืออาณาจักรปะการังและสัตว์น้ำนานาชนิด ที่เราเพลิดเพลินกับการชมผ่านอุโมงค์ยาวและตู้จัดแสดงขนาดใหญ่ อาทิ Coral Reef Previews ตู้จัดแสดงปะการังหลากหลายรูปแบบ ต้นทางสู่อุโมงค์ใต้น้ำ หรือ Underwater Tunnel ทางลอดที่มีที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และมีความยาวถึง 81 เมตร รองรับความจุของน้ำได้ถึง 1.5 ล้านแกลลอน ให้เราแปลงร่างเป็นนักสำรวจโลกใต้ทะเลแบบไม่เปียก และถ้าหากเดินชมแล้วยังไม่หนำใจ เขาก็เปิดโอกาสให้นอนค้างแรมที่นี่ได้เลย!


นอกจากอุโมงค์ใต้น้ำ แน่นอนว่าจุดที่เราประทับใจที่สุดจุดหนึ่งคือ Beluga Pool ตู้ปลายักษ์ขนาดที่มีน้ำ 0.8 ล้านแกลลอนอยู่ภายใน พร้อมการแหวกว่ายของ วาฬเบลูกา (Russain Beluga Whale) หรือวาฬขาวที่มีถิ่นอาศัยอยู่แถบขั้วโลกเหนือ น้องน่ารักมาก!



อีกโซนที่เราทึ่งและเพลิดเพลินไม่แพ้กันก็คือ โซน Super Grand Acrylic ดิสเพลย์ขนาดใหญ่พิเศษกว่า 4.85 x 16.5 x 0.33 เมตร ซึ่งบรรจุสิ่งมีชีวิตหลากสายพันธุ์ไว้ภายในคล้ายกับการจำลองมหาสมุทรขนาดย่อมเอาไว้ นี่คือส่วนจัดแสดงปลาอพยพบริเวณชายฝั่งตะวันออกของไต้หวัน อาทิ กระเบน ฉลาม เป็นต้น ซึ่งตู้ยักษ์นี้สามารถทนแรงดันน้ำได้หนึ่งล้านแกลลอน ทนทานต่อค่าสัมประสิทธิ์ความปลอดภัยจากการสั่นสะเทือนที่ 0.97G และค่าสัมประสิทธิ์การทนไฟสามระดับที่แสงส่องผ่านได้ 97% หนึ่งในไฮไลต์ของ NMMBA



อีกหนึ่งโซนที่น่าทึ่งแต่ก็แทรกมาด้วยความน่าเศร้า คือส่วนจัดแสดงโครงกระดูกวาฬสีน้ำเงิน (Blue Whale) บริเวณโถงด้านนอกอาคาร โครงกระดูกขนาดมหึมาไม่เพียงเผยให้เห็นสัดส่วนที่สมบูรณ์ของมันอย่างเด่นชัด แต่ยังมาพร้อมการจัดแสดงสาเหตุที่ทำให้มันเสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้า ข้างตู้กระจกบานใหญ่มีตู้ใบเล็กจัดแสดงเศษเชือกเส้นหนา ขนาดความยาวกว่า 6 เมตร ตัวการที่ไปมัดกับปากของวาฬจนมันไม่สามารถอ้าปากล่าเหยื่อได้ตามปกติจนตายในที่สุด เป็นสาเหตุความจริงที่น่าหดหู่เหลือเกิน

เยี่ยมหลังบ้านแบบ Exclusive
นี่คือภาพถ่ายบางส่วนจากห้องปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ ซึ่งรองบรรณาธิการบริหาร นิตยสาร National Geographic ฉบับภาษาไทย ได้ทำเรื่องขออนุญาตเข้าไปชมการปฏิบัติงานเบื้องหลังโซน Coral Kingdom ซึ่งโดยปกติจะไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปเข้าชม ยกเว้นผู้เข้าชมในด้านการศึกษาเป็นกรณีพิเศษ


“เจ้าหน้าที่พาเราไปดูบ่อเพาะเลี้ยงต่าง ๆ เช่น ปะการัง ซึ่งหากมีปะการังเสียหายตายไป ก็ไม่ได้ไปเก็บเพิ่มจากทะเล แต่เป็นการเพาะเลี้ยงภายในเท่านั้น” ปลาอธิบาย
“ปลาการ์ตูน ก็เช่นกัน มีตู้เพาะเลี้ยงให้แม่ปลาพ่อปลาดูแลฟูมฟักไข่ของตัวเอง และบ่อเพาะปลาฉลาม ซึ่งจัดแสดงไข่ปลาฉลามที่มีรูปร่างเป็นกระเปาะเหมือนกระเป๋า ปกติแล้วจะมีผิวหนาทึบ แต่ในตัวอย่างนี้มีการขูดพื้นผิวออกบางส่วนเพื่อให้มองถึงภายในได้ จากที่เคยเห็นแต่ในภาพถ่ายและสารคดี พอมาเห็นของจริง เห็นตัวอ่อนฉลามขยับดุ๊กดิ๊กอยู่ข้างในเลยตื่นเต้นมาก”




“ได้ไปดูทางเข้าเหนือแทงค์ตรงส่วนจัดแสดง พอโผล่หน้าไปเหล่าฝูงปลาก็ว่ายขึ้นมาหา เพราะเข้าใจว่าคนจะมาให้อาหาร ปลาปักเป้าว่ายขึ้นมาเป็นตัวแรก ปากที่เหมือนยิ้มอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่ามันเยี่ยมหน้ามาทักทาย”

“ในโซนปฏิบัติงานนี้เป็นเบื้องหลังที่คอยดูแลรักษาสมดุลของสัตว์ทะเลต่าง ๆ ในพิพิธภัณฑ์ โดยมีการจัดการระบบนิเวศอย่างใกล้ชิด ซึ่งยังมีอีกหลายส่วนปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภายนอกพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ที่มีศูนย์วิจัยระบบนิเวศทางทะเลแห่งชาติแยกออกไป ซึ่งเป็นที่ทำงานของนักวิทยาศาสตร์ที่วิจัยเพื่อมหาสมุทรแปซิฟิกในเขตไต้หวัน”

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวบางส่วนที่เรามีโอกาสได้เห็นกับตา ได้ลองสัมผัส และได้เรียนรู้ถึงบทบาทหน้าที่ของ NMMBA พิพิธภัณฑ์แห่งชาติของไต้หวันแห่งนี้ เป็นเวลา 3 ชั่วโมงที่อิ่มเอมใจอย่างมาก นี่คือสถานที่ที่คนรักทะเลควรค่าแก่การมาเยือนสักครั้ง หรือมาลองเปลี่ยนบรรยากาศนอนค้างแรมกับสัตว์ทะเลสักคืน น่าจะฟินไม่น้อยเลย
ติดต่อ: nmmba.gov.tw
EXPLORERS: เฟี้ยต, ปลา, ออน, ฟาง, เชอร์รี่, มุก, แน็ค, เบียร์
AUTHOR: เฟี้ยต-นวภัทร ดัสดุลย์
PHOTOGRAPHER: ฟาง-อภินัยน์ ทรรศโนภาส
GRAPHIC DESIGNER: ฟอฟอ-อานันตญา รุ่งลิขิตเจริญ