9 ปี คือช่วงเวลาทั้งหมดที่ แนนซี่ – นัยน์ภัค ภูมิภักดิ์ ใช้ไปกับการสำรวจธรรมชาติใต้น้ำ ซึ่งนับรวมได้มากกว่า 1,300 ไดฟ์ที่เธอดำดิ่งลงไปยังโลกอีกใบที่เธอหลงใหลเข้าเต็มเปาตั้งแต่ไดฟ์แรก จนเป็นหนึ่งในเหตุผลของการตัดสินใจลาออกจากการเป็น Acting Coach และอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย เพื่อมาทำในสิ่งที่รักจนกลายมาเป็น Divemaster เต็มตัวอย่างทุกวันนี้
ปัจจุบันบล็อกเกอร์สาว แนนซี่ – นัยน์ภัค ภูมิภักดิ์ เจ้าของเพจ HappyNancy พ่วงอาชีพบาริสต้ามาอีกหนึ่งตำแหน่ง ภายหลังที่เธอตัดสินใจย้ายถิ่นฐานจากกรุงเทพฯ มาใช้ชีวิตอยู่เขาหลัก จังหวัดพังงา เมืองไข่มุกอันดามันที่มีท้องทะเลสวยงามที่สุดของเมืองไทย พร้อมทำธุรกิจร้านกาแฟในชื่อ ‘Saifah.Society’ ร่วมกับสามี แจ๊ค 4actory
ด้วยจากภาพและวีดีโอที่เธอมักเผยให้เห็นรอยยิ้มเสมอ ทั้งการใส่บิกินี่ลงทะเล ดำน้ำ ปีนผา รวมถึงถ่ายรูปกับหมา แต่งหน้า และทาลิปสติก เราเองก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมเธอจึงดู Happy อยู่ตลอดเวลา จึงชวนเธอมานั่งคุยไขคำตอบถึงเรื่องชีวิต และกิจกรรมที่ทำให้แนนซี่กลายเป็นคน Happy แบบนี้ให้หายคาใจ
หนีฝุ่น หนีรถติด หนีโควิด เป็นสารพันเหตุผลของการย้ายออกจากย่านฮิปของกรุงเทพฯ อย่างทองหล่อ-เอกมัย มาใช้ชีวิตติดทะเลที่เขาหลัก
“ช่วงก่อนโควิดที่ยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ เราเริ่มรู้สึกว่าฝุ่นมันไม่ได้มีแค่เป็นช่วง ๆ แล้ว มันมีทุกวัน อากาศก็ไม่ดี กว่าจะออกจากบ้านไปกินกาแฟแค่แก้วเดียว ต้องนั่งรถติดเป็นชั่วโมง เริ่มรู้สึกว่าไม่เมคเซ้นส์แล้วที่การนัดพบปะเพื่อนฝูงจะต้องมานั่งรอ 1-2 ชั่วโมงเป็นเรื่องปกติ แล้วก็เริ่มรู้สึกว่าค่าครองชีพที่กรุงเทพฯแพงเหลือเกิน เพราะเรามีโอกาสได้ไปหลาย ๆ ที่ จนรู้สึกว่าไม่เมคเซ้นส์กับสิ่งที่เป็นอยู่ ณ ตอนนั้น”
“เรารู้สึกว่าการอยู่บ้านที่กรุงเทพฯมันไร้สาระ มีทั้งฝุ่น ทั้งความร้อน ต้นไม้ก็น้อย มันไม่มีความสุข ไม่มีความเขียวอะไรเลย ซึ่งปกติเวลาเราออกไปดำน้ำ เรายังได้เจออะไรเขียว ๆ อย่างน้อยใน 1 เดือน เราต้องเจอสักครึ่งเดือน พอโควิดมารอบที่ 2 เราก็เลยตัดสินใจกับสามีว่า เราไม่อยู่แล้วกรุงเทพฯ จิตเสีย แล้วเรากับสามีชอบที่พังงามาก รู้สึกว่าที่เขาหลักมันเป็น vibe ที่ดีมาก ไม่ว่าจะออกไปดำน้ำแป๊บเดียวก็ถึงสิมิลัน หรือว่าอยากจะเล่นน้ำตกก็มี vibe ธรรมชาติแบบควายเดินในทุ่งนาก็มี ต้นมะพร้าวสวย ทะเลใส”
“เราเลยรู้สึกว่าอย่างน้อยถ้าย้ายมา เราก็ยังสามารถทำธุรกิจได้ เช่น นำทริปท่องเที่ยว หรือตอนนี้เราก็เปิดร้านกาแฟ เราซีเรียสเรื่องกาแฟมาก เราก็เลยคิดว่าน่าจะมีคนประเภทเดียวกับเรา ถ้าอย่างน้อยเขามาเซิร์ฟ หรือมาออกทริป ก็ต้องมานั่งกิน อย่างน้อยก็ต้องมี เราก็เลยตัดสินใจเปิดที่นี่ แล้วเราก็ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ด้วย”
ยอมรับว่าเราเองก็เพิ่งรู้ว่าแนนซี่ดำน้ำจนเชี่ยวชาญไปสู่ระดับ Divemaster เราจึงย้อนถามเธอไปว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้เริ่มเรียนดำน้ำเมื่อ 9 ปีก่อน ทั้ง ๆ ที่จะว่าไปแล้วในช่วงเวลานั้น การดำน้ำยังเป็นกิจกรรมที่ไม่เป็นที่รู้จัก หรือเป็นที่นิยมเช่นในตอนนี้
แนนซี่ บอกว่า “จริง ๆ เป็นคนที่ชอบดูสารคดีตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว เคยใฝ่ฝันว่าชีวิตนี้ต้องได้ดำน้ำ แต่ก็คิดว่าเป็นกีฬาที่ไกลตัวมาตลอด เพราะตอนหาข้อมูลเมื่อก่อนค่าเรียนมันแพงมาก และก็ยังไม่มีข้อมูลว่าจริง ๆ ก็มีที่เรียนถูก ๆ อย่างเกาะเต่า ตอนนั้นมันไม่มีข้อมูลเลย แล้วเราก็ไม่รู้จักใคร เป็นเด็กเพิ่งเรียนจบใหม่”
“แต่จุดเปลี่ยนจริง ๆ ก็คือพอเรียนจบ เป็นช่วงที่แนนเรียนอยู่ก็ทำงานไปด้วย ตอนนั้นแนนเป็น Acting Coach จึงมีเวลาว่างค่อนข้างเยอะ ไม่ได้ต้องทำงานทุกวัน 8 โมง ถึง 6 โมง ก็เลยตัดสินใจว่าลองไปเรียนดำน้ำด้วยเงินเก็บที่มีอยู่น้อยนิด เรียนแล้วก็ลองออกทริปดูสักทริป”
“ตอนนั้นก็ไปทริปแบบงบน้อยมาก ไปเรือฟ้าใสที่เป็นเรือประมงดัดแปลง เป็น Liveaboard dive แรกที่ลงก็คือ หินม่วง-หินแดง เจอแมนตากับฉลามวาฬว่ายตัดกัน ตอนแรกก็นึกว่าแบบนี้เป็นเรื่องปกติที่เวลาไปดำน้ำจะต้องเจอ แล้วคนก็ตื่นเต้น จนมารู้ว่าไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกไดฟ์หรอกเหรอ”
“พอดำน้ำไปเรื่อย ๆ แนนก็เริ่มซื้อกล้อง GoPro เมื่อก่อนมันเป็น GoPro 3plus นานมาก พอถ่ายไปเรื่อย ๆ เราก็เริ่มมีความรู้ในเรื่องของการตัดต่อวิดีโอเบาบาง เพราะแนนเรียนศิลปกรรม ที่ธรรมศาสตร์ เขาก็มีสอนบ้าง แต่ไม่ได้ตัดต่อเก่งขนาดทำภาพยนตร์อะไรขนาดนั้น เราก็เลยลองเอาฟุตเทจที่เราคิดว่ามันดี มันเจ๋ง เอามาใส่ ตัดรวม ๆ กันตามสไตล์ของเราเอง”
“จริง ๆ แล้วพอเราออกทริปแรก มันมีความรู้สึกว่าเราติด ติดความไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ติดความธรรมชาติ ติดความที่เราตื่นมาแล้วเห็นทะเล เห็นเต่าว่าย เห็นปลา เราก็เลยคิดว่าทำไมเราไม่เอาชีวิตเรามาอยู่แบบนี้เลย ณ ความคิดตอนนั้น ซึ่งเป็นจังหวะคาบเกี่ยวที่แนนเป็น Acting Coach และก็เป็นครูสอนตั้งแต่เด็กจนมหาวิทยาลัย แล้วแนนเจอปัญหาเด็ก 7 ขวบรังแกกันในห้องเรียน เหตุการณ์นั้นมันก็เลยเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้แนนลาออก เพราะแนนไม่รู้ว่าจะไปดุว่ากล่าวลูกเขาอย่างไร”
“ลาออกจากงานแล้วก็ดำน้ำอย่างเดียว เก็บฟุตเทจไปเรื่อย ๆ เพราะช่วงนั้นก็มารู้จักกับพี่ชิน (ศิรชัย อรุณรักษ์ติชัย ช่างภาพสารคดีเชิงอนุรักษ์) พี่ชินก็แนะนำว่า GoPro ก็ไม่เป็นไร เรายังไม่เก่ง เรายังลอยตัวไม่ดี เราก็เก็บฟุตเทจด้วย GoPro ไปเลย แล้วแต่ละทริปที่แนนไปคือพีคหมดเลย อย่างฉลามวาฬ แมนตา คือมาเยอะมาก ก็เลยเก็บฟุตเทจไปเรื่อย ๆ แล้วทำเป็นวิดีโอคลิปเปิดเพจขึ้นมา”
เราถามแนนซี่เกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ว่าตั้งแต่ดำน้ำจากวันแรกมาจนถึงทุกวันนี้ ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงทั้งที่ดีขึ้นและแย่ลงในสายตาของเธออย่างไร “ในแง่ดีก็คือ ทุกคนได้ทำความรู้จักกับโลกใต้ทะเล ซึ่งแนนเชื่อว่ามากขึ้นเยอะมาก ๆ เพราะตั้งแต่ที่แนนทำเพจมาในยุคแรก ๆ ทุกคนถามมาหมดเลยว่า แมนตา คือตัวอะไร อะไรคือฉลามวาฬ และทุกคนยังคิดว่าปลาการ์ตูนคือปลานีโม่ ซึ่งตอนนี้คนเริ่มเข้าใจมากขึ้น ไม่ว่าจะมีเพจหลาย ๆ เพจ หรือ อาจารย์หลาย ๆ ที่ออกมานำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นข่าวหรือสารคดี บทความ แนนว่าคนเริ่มเข้าถึงมากขึ้น”
“เมื่อนักแสดง ดารา หรือ Influencer ที่เขาเริ่มสนใจในเรื่องนี้ เขาก็ได้ช่วยกันตีแผ่ คนก็เริ่มสนใจว่า กีฬาดำน้ำคืออะไร และเมื่อประมาณ 4-5 ปีที่ผ่านมา แนนคิดว่าประเทศไทยบูมมาก ๆ เลยนะ แนนเห็นความเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะช่วงแรกที่เราไปเรียนดำน้ำ เราต้องเสาะหามาก ต้องไปร่วมบู๊ธ TDEX มันไม่มีอินเตอร์เน็ตที่เข้าถึงได้ง่าย แต่ตอนนี้ทุกคนพร้อมที่จะสอน มีครูให้เลือก เพราะคนที่จะไปเรียนดำน้ำจะต้องเลือกครูก่อนว่าตรงกับสไตล์เราหรือเปล่า แต่เมื่อก่อนมันไม่มีเลย”
“ตอนนี้คือมันมีหลากหลาย อายุเท่าเราก็มี ทุกอย่างมันง่ายขึ้น แต่มันก็มีข้อเสียตรงที่ว่า พอมันง่าย ทุกอย่างมัน access เข้าไปง่ายแล้วมันก็พังง่ายเหมือนกัน ต้องอยู่ที่จิตใต้สำนึกของคน ว่าคนกลุ่มนั้นถูกสอนมาเป็นอย่างไร เห็นขยะแล้วคุณจะเดินผ่านไปไหม หรืออย่างน้อยถ้ามันไม่ได้หนักหนาอะไรก็หยิบขึ้นมาสักชิ้นสองชิ้นก็ยังดี”
“เหมือนกันกับตอนอยู่ในทะเล แนนก็เห็นว่าขยะมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แล้วไม่มีทีท่าว่ามันจะลดลง แต่เราก็ไม่ได้ไปโทษใครนะว่าหยุดใช้พลาสติกเดี๋ยวนี้ เราเข้าใจว่ามันต้องใช้ แต่หากอย่างน้อยเราสร้างจิตสำนึกว่าลดการใช้ลงมา หรือช่วยกันผลักดันให้พวกเราพกกระติกน้ำ มันก็เป็น option ที่ดี ซึ่งนักดำน้ำส่วนใหญ่ รักธรรมชาติ แล้วเขาก็พร้อมที่จะพกกระติกน้ำ หรือทำอะไรที่มันช่วยโลกให้ดีขึ้น”
แนนซี่มาพร้อมกับรอยยิ้มสดใสเช่นเคยกับ Seiko Prospex “Monster” Asia Special Edition: SRPF35K ที่โดดเด่นด้วยหน้าปัดสีเหลืองสดใสตัดกับสีดำสุดเท่ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากปลา Moorish Idol หรือปลาผีเสื้อเทวรูป ที่มีลำตัวสีเหลืองตัดกับสีดำ มาพร้อมตัวเรือนยอดนิยมที่ได้รับการขนานนามจากแฟน ๆ ว่า “Monster” และเป็น Asia Special Edition วางจำหน่ายในภูมิภาคเอเชียเท่านั้น
เจ้า Monster เรือนนี้สวมใส่สบายคู่กับสาย Polyurethane สีเขียว Olive Green สามารถพาแนนซี่ลงดำน้ำลึกได้ถึง 200 เมตร พร้อมด้วย Lumibrite ที่สะท้อนแสงให้ชัดเจนแม้ในพื้นที่มืดขอบตัวเรือนทำจากสเตนเลสสตีล เคลือบ IP Coating เพื่อให้ตัวเรือนมีสีดำ และกระจกหน้าปัดทำจาก Hardlex Crystal ส่วนตัวเครื่องมีระบบอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 4R36 สำรองพลังงานได้ 41 ชั่วโมงพร้อมฟังก์ชันบอกวันและวันที่ ขณะที่ฝาหลังประทับคำว่า Special Edition
บล็อกเกอร์ถือเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่หลายคนใฝ่ฝันอยากจะเป็น แม้ว่าเมื่อก่อนมันอาจจะไม่ใช่อาชีพ หากเป็นเพียง Alternative หรือทางเลือกให้เราได้ใช้ชีวิต เราถามแนนซี่ในฐานะที่เธอเป็นเธอ แล้วเธออยากส่งต่อแรงบันดาลใจหรือแนวคิดที่สามารถดำรงชีวิตด้วยการทำอาชีพที่ตัวเองจะได้ใกล้ชิดกับไลฟ์สไตล์ที่ตัวเองอยากมีได้อย่างไร เธอตอบเราได้อย่างน่าฟังทีเดียว
“มีคนถามเยอะมากเลย แนนก็จะแนะนำว่าให้ทุกคนเป็นตัวเอง เรามี inspiration ได้ แต่ไม่ใช่ copy แล้ว paste เราเข้าใจว่าคุณอาจจะมีไลฟ์สไตล์ที่คล้องจองแล้วก็คล้าย ๆ กัน แต่ถ้าไป copy เลย สมมติแนนโพสต์บทความ แล้วถ้ามีคน copy บทความไปแล้วแค่เปลี่ยนรูป มันก็ไม่ใช่ มันจะต้องหาความเป็นตัวเองแทรกเข้าไปในบทความนั้น คือเราต้องรักตัวเองก่อน เป็นตัวเองก่อน เข้าใจตัวเองก่อน แล้วมันก็จะสามารถทำงานที่เรารักได้”
การคุยกับแนนซี่เป็นส่วนหนึ่งในโปรเจ็กต์ที่ บ้านและสวน Explorers Club และ Seiko Thailand ชักชวนนักดำน้ำทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นใหม่ของเมืองไทย 10 ชีวิต มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์จากการสำรวจท้องทะเลลึกในอีกมุมมอง เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างมีจิตสำนึก และชวนชาว Explorers ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในพลังขับเคลื่อนเล็ก ๆ ไปพร้อมกับพวกเขาอีกแรง ในการปกป้องรักษาแนวปะการังใต้ผืนทะเลให้ยังคงงดงามและน่าค้นหาต่อไปหลังจากนี้
พบกับชุดภาพถ่ายและบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มของนักท่องโลกใต้น้ำทั้ง 10 คน ได้ทาง Facebook: บ้านและสวน Explorers Club และ National Geographic Thailand ตลอด 10 สัปดาห์ต่อเนื่องนับจากนี้
[ EXPLORER ]
แนนซี่
ภาพถ่ายแนนซี่: แจ็ค
ชวนคุย: มิ้ง
เรียบเรียง: เฟี้ยต