Type and press Enter.

กดสูตรชงกาแฟ ให้อร่อยแบบแชมป์ AeroPress ประเทศไทย

การชงกาแฟดี ๆ สักแก้วอาจจะไม่ใช่เรื่องยากนัก หากได้รู้และเข้าใจพื้นฐานกันก่อน ครั้งนี้พวกเราชาวบ้านและสวน Explorers Club ได้มีโอกาสพูดคุยพบปะกับ 5 บุคคล ที่การันตีเลยว่าชงกาแฟได้อร่อยระดับประเทศ เพราะทุกคนคือแชมป์ประเทศไทยที่เคยผ่านเวทีแข่งขันการชงกาแฟ AeroPress มาแล้ว

แน่นอนว่าแต่ละคนคงต้องมีวิธีการที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นเราก็ไม่พลาดที่จะเอาเคล็ดลับแบบเฉพาะตัวมาฝากกัน จากการที่ได้พูดคุยกับแชมป์ทั้ง 5 ท่าน เราก็เลยได้ข้อสรุปถึงการชงกาแฟดริป และชงด้วย AeroPress แบบเข้าใจง่าย ๆ ไว้แล้ว ลองไล่อ่านเคล็ดลับของแชมป์แต่ละท่านที่ภาพได้เลย แต่เบื้องต้นคุณก็ต้องมาทำความเข้าใจถึงพื้นฐานของมันก่อน

เมล็ดกาแฟและอุณหภูมิของน้ำ

เบื้องต้นคุณต้องรู้จักเมล็ดกาแฟของคุณก่อนสักนิดว่า เมล็ดกาแฟที่คุณมีมันคือคั่วอ่อน คั่วกลาง หรือว่าคั่วเข้ม โดยเฉลี่ยแล้วเราจะใช้น้ำต้มชงกาแฟกันที่อุณหภูมิตั้งแต่ 85 – 94 องศา(เซลเซียส) หากเป็น ‘คั่วอ่อน’ เพื่อการสกัดให้ได้รสชาติของกาแฟ อาจจะต้องใช้อุณหภูมิที่สูงขึ้นสักหน่อยโดยเฉลี่ยประมาณ 90 – 94 องศาเลยก็มี แต่หากเป็น ‘กาแฟคั่วกลางไปจนถึงเข้ม’ ก็ใช้น้ำต้มที่อุณหภูมิประมาณ 85 – 92 องศา โดยประมาณ ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับชนิดของกาแฟที่เรามีอีก ซึ่งหมายความว่าคุณอาจจะต้องทดลองชงไปเรื่อย ๆ แล้วจะค้นพบความเหมาะสมเอง อันนี้แชมป์ทุกคนฝากบอกมา

การเพิ่มออกซิเจนให้กาแฟด้วยการเทสลับไปมาสักหนึ่งรอบ คืออีกหนึ่งเคล็ดลับกาแฟอร่อยจากคุณเน่ แห่ง NiPCOFFEE แชมป์ AeroPress ประเทศไทยปี 2017
การเพิ่มออกซิเจนให้กาแฟด้วยการเทสลับไปมาสักหนึ่งรอบ คืออีกหนึ่งเคล็ดลับกาแฟอร่อยจากคุณเน่ แห่ง NiPCOFFEE แชมป์ AeroPress ประเทศไทยปี 2017

สัดส่วน

เรื่องของสัดส่วนต้องบอกเลยว่าก็แล้วแต่คนอีก โดยหลักก็คือหากอยากได้รถชาติกาแฟเข้ม ๆ หน่อย ก็ให้ใช้กาแฟเยอะ น้ำน้อย ๆ หากอยากได้รสชาติบาง ๆ คลีน ๆ ก็เพิ่มอัตราส่วนของน้ำเข้าไป ส่วนใหญ่ก็อัตราส่วนจะอยู่ที่ประมาณ 1:13 – 1:15 (กาแฟหนึ่งส่วนต่อน้ำสิบสามถึงสิบห้าส่วน) โดยส่วนใหญ่เราจะใช้กาแฟต่อหนึ่งเสิร์ฟโดยเฉลี่ยประมาณ 17 – 20 กรัม เช่น หากเราใช้กาแฟ 18 กรัม เราจะใช้น้ำอยู่ที่ประมาณ 270 กรัม แต่ทุกอย่างอาจจะปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมอื่น ๆ อีกเช่นกัน

สายดริป

ส่วนวิธีการชงหากคุณเป็นสายกาแฟดริปก็ให้แบ่งน้ำออกเป็น 3 – 4 รอบก็ได้ ส่วนใหญ่จะรินน้ำในรอบแรกลงลงไป 30 – 50 กรัม ส่วนรอบที่เหลือก็ตามความเหมาะสมโดยอยู่ระหว่าง 60 – 150 กรัม ซึ่งเรื่องนี้คุณอาจจะต้องอาศัยการศึกษาและทดลองด้วยตัวเองในการหารสชาติที่เหมาะสม ตั้งแต่เริ่มจนเสร็จสิ้นกระบวนการใช้เวลาประมาณ 2 นาทีกว่า ๆ เป็นใช้ได้

เพื่อความเข้าใจเราเลยขอยกตัวอย่างง่าย ๆ แบบนี้ เช่น ถ้าคุณใช้อัตราส่วนที่ 1:15 ด้วยกาแฟ 18 กรัม คุณจะต้องใช้น้ำที่ 270 กรัม และต้องการแบ่งการเทน้ำออกเป็น 4 รอบ รอบแรกให้คุณรินน้ำลงไป 50 กรัม รอบที่สอง ให้คุณรินน้ำลงไปอีก 60 กรัม ส่วนรอบที่สาม และสี่ ให้คุณรินน้ำลงไปรอบละ 80 กรัม ควรใช้เวลาประมาณ 30 วินาทีในการินน้ำลงไปในแต่ละรอบ เสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดใช้เวลาโดยประมาณราว 2 นาทีเศษ หรือเต็มที่ก็อย่าให้เลย 3 นาที

นี่คือการยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพขั้นตอนได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้วคุณสามารถเพิ่มเติมหรือลดทอนอัตราส่วนต่าง ๆ ตามความเหมาะสมและความชอบของคุณเองได้  “กาแฟไม่มีอะไรตายตัว”

AeroPress ทำกาแฟได้หลากหลายคุณแมนบอกมา
AeroPress ทำกาแฟได้หลากหลายคุณแมนบอกมา

สายกด AeroPress

มาถึงวิธีการชงกาแฟอีกวิธีที่เราอยากให้คุณได้มาลองสัมผัส การชงด้วย AeroPress นี้ก็เป็นการชงกาแฟด้วยวิธีการที่เรียบง่ายใช้อุปกรณ์น้อย การชงด้วยวิธีนี้คือการใช้แรงดันด้วยแรงกดของเราเองคล้าย ๆ กับกระบอกเข็มฉีดยา ซึ่งแชมป์ทุกท่านบอกว่าวิธีการนี้้เราสามารถทำกาแฟได้หลายหลายรูปแบบกว่ากาแฟดริป จะเข้ม จะไลท์ สั่งได้ตามใจปรารถนา เพียงแค่มีกระบอก AeroPress และเติมน้ำร้อนเข้าไปเท่านี้เอง ด้วยความเบาและทนทานของวัสดุคุณภาพดี ถือเป็นอุปกรณ์อีกรูปแบบหนึ่งที่เหมาะสำหรับคนสายแคมป์ ผู้ชื่นชอบการดื่มกาแฟที่ต้องการพกพาอุปกรณ์ชงไปไหนต่อไหนด้วย

ส่วนขั้นตอนนั้นถือว่าเรียบง่ายไม่ซับซ้อนอะไรมาก และอัตราส่วนนั้นมีความใกล้เคียงกับกาแฟดริป คือตั้งแต่ 1:15 ขึ้นไปจน 1:25 หรือเลยไปถึง 1:30 ก็ทำได้ ส่วนวิธีการสกัดนั้น ให้คุณเติมน้ำในรอบแรกแล้วแช่กาแฟทิ้งไว้สัก 30 วินาที หลังจากนั้นคุณเติมน้ำรอบสองลงไปแล้วก็กดได้เลย เท่านี้เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ….มันทั้งง่าย เร็ว และกาแฟที่ได้ก็มีรสชาติที่ดี

ทั้งหมดที่เราบอกมาเป็นเพียงแค่พื้นฐานของการชงกาแฟเท่านั้น ในความเป็นจริงคุณจะได้ค้นพบอะไรใหม่ ๆ เกี่ยวกับมันอย่างแน่นอน ยังมีตัวแปรและปัจจัยอีกหลายอย่างที่คุณจะต้องปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสมเพื่อให้กาแฟแต่ละแก้วเป็นรสชาติที่คุณชอบที่สุด

ในความซับซ้อนของรสชาติ สุดท้ายมันคือความเรียบง่าย บางครั้งก็อย่าไปซีเรียสเลยถ้ากาแฟแก้วนี้ของคุณจะเข้มขม หรือบางจืดเกินไป บางทีกาแฟจากถุงเดียวกันแท้ ๆ ชงแต่ละทีรสชาติอาจไม่เหมือนเดิม คงคล้ายกับชีวิตที่พบเจออะไรไม่เหมือนเดิมสักวัน แต่ถ้าวันไหนคุณรู้สึกถึงความสุข ก็อาจจะเหมือนกับคุณที่ได้ดื่มกาแฟอร่อยถูกใจสักแก้วก็ได้…

สงกรานต์ โพธิปัญญา จาก The Shelter Coffee Phuket

โก้ - สงกรานต์ โพธิปัญญา จาก The Shelter Coffee Phuket แชมป์ AeroPress ประเทศไทยปี 2016
โก้ – สงกรานต์ โพธิปัญญา จาก The Shelter Coffee Phuket แชมป์ AeroPress ประเทศไทยปี 2016

“อาจจะเริ่มต้นฝึกจากกาแฟคั่วกลางที่ราคาไม่สูงมากก่อน พอชำนาญขึ้นค่อยขยับเป็นกาแฟที่มีราคาและรสชาติที่ซับซ้อนมากขึ้น จะได้ไม่รู้สึกเฟลไปเสียก่อน ผมให้ความสำคัญกับเครื่องบดเป็นอย่างแรก เพราะมันคือการเริ่มต้นที่ดีของการชงกาแฟที่ดี เครื่องบดที่ได้มาตรฐานมันจะทำให้ผงกาแฟนั้นมีความละเอียดสม่ำเสมอกันซึ่งส่งผลต่อรสชาติ เราจะต้องบดกาแฟใหม่ทุกครั้งเพื่อความสดใหม่ กาแฟที่ถูกบดแล้วมาโดนอากาศก็จะเริ่มเก่าไม่สดใหม่แล้ว”

“กาแฟที่คั่วกลางจนถึงคั่วเข้มเราจะใช้อุณภูมิที่ไม่สูงประมาณ 88 – 90 องศา เพราะว่ากาแฟที่คั่วมาเยอะแล้ว จะมีการแอคทีฟกับอุณภูมิของน้ำร้อนที่เร็วอยู่แล้ว ถ้าใช้กาแฟที่คั่วอ่อนเราก็เพิ่มอุณหภูมิที่สูงขึ้น”

“กาแฟจะมีความหวานอยู่แล้วเหมือนผลไม้สุก และความหวานของกาแฟอาจจะมาพร้อมรสขมก็ได้ คือกาแฟที่คั่วกลางถึงคั่วเข้มในระดับที่เป็นน้ำตาลคาราเมลแล้วก็จะให้ความหวานแบบน้ำตาลคาราเมล แต่ถ้าหวานแบบผลไม้จะอยู่ในกาแฟที่คั่วอ่อนลงมา ชุ่มฉ่ำ ละมุน ๆ ก็เลือกดูว่าอยากได้ความหวานแบบไหน อยากให้ลองเริ่มสัมผัสกับรสชาติของกาแฟแบบ Dry Process และ Wash Process ก่อนซึ่งเป็นวิธี Process แบบดั้งเดิม หลังจากที่คุณเริ่มคุ้นเคยกับมันแล้วค่อยไปหาความตื่นเต้นจาก Process อื่น ๆ ดู”

“น้ำก็สามารถใช้นำกรองทั่วไปได้ แต่ถ้าสามารถเลือกได้ให้ลองใช้น้ำ RO ที่มีค่าเป็นกลาง แต่ไม่แนะนำให้ใช้นำที่มีแคลเซียมเยอะ ๆ เช่นพวกน้ำแร่ ถ้าคุณเป็นคนชอบความหลากหลายจะชงอ่อน ชงเข้มได้หมด สะดวก และต้องการค้นหากาแฟเดียวแบบหลาย ๆ รสชาติ และเหมาะมากถ้าคุณเป็นคนชอบเดินทาง”

เทจิต สินธวิชัย จาก NiPCoffee

เน่ - เทจิต สินธวิชัย จาก NiPCOFFEE แชมป์ AeroPress ประเทศไทยปี 2017
เน่ – เทจิต สินธวิชัย จาก NiPCOFFEE แชมป์ AeroPress ประเทศไทยปี 2017

“เวลาที่ชงด้วย AeroPress มันจะแช่ได้นานมากกว่าการดริปและมีแรงดันจากการกด ตอนแข่งขันผมหาวิธีชงในแบบที่ผมชอบที่สุด เคล็ดลับคือทำตามสัญชาติญาณตัวเองว่าชอบแบบไหน ณ ตอนนั้น แต่ก็พยายามคุมตัวแปรที่มันทำให้ได้รสชาติในแบบที่เราชอบที่สุด และด้วยเมล็ดที่ชอบ ณ เวลานั้นที่ผมรู้สึกว่าเหมาะสม แล้วก็ซ้อมตามสูตรที่ผมคิดมา”
.
“แก้วที่ผมชง ณ ตอนนั้นอาจจะแตกต่างจากคนอื่น ผมไม่ชอบกาแฟที่เข้ม ผมชอบความฟรุ้ตตี้ จึงไม่ใช้กาแฟเยอะ ไม่สกัดกาแฟที่มันเยอะ สุดท้ายพอมาทำความเข้าใจมันจริง ๆ มันมีเรื่องจังหวะ เวลา และโชคมาพร้อม ๆ กันด้วย”
.
“หลังจากเป็นแชมป์ มันเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีสปอร์ตไลต์ส่องมา หรือมีคนอยากลองกินสูตรแชมป์ ณ ตอนนั้นผมก็ทำตามสูตรที่แข่งนั่นแหละ ผมพยายามหาคำตอบและแกะสูตรที่ผมคิดเพื่อหาแต่ละตัวแปร แต่ละแฟ็กเตอร์ที่ได้ แล้วเก็บเป็นข้อมูลไว้ใช้ สุดท้ายแล้วมันก็ต้องปรับให้เข้ากับเมล็ดแต่ละตัว มันจึงไม่ได้มีสูตรที่มัน Fit กับทุกกาแฟหรือทุกแก้วที่ชง”
.
“หลังจากที่ผมมีประสบการณ์มากขึ้น ผมชงเยอะขึ้น ซ้อมเยอะ ๆ เพราะต้องหาตัวแปรใด ๆ หลังจากแข่งผมพยายามทำวิธีชงให้เข้ากับทุกคน ซึ่งพอมีไอเดียแบบนี้ผมจึง Fixed วิธีชงไม่ได้ แต่ผมสามารถทำให้ทุกคนเข้าใกล้สิ่งที่เขาชอบได้”
.
“คีย์หลักคือความเข้าใจในการสกัดกาแฟ เวลาชงด้วย AeroPress หรือ Drip ก็ใช้ความเข้าใจต่างกัน หลัง ๆ ชงด้วยเครื่อง Espresso ก็ต้องเข้าใจแบบนั้น สำคัญที่สุด ในฐานะคนชงผมจะคุยก่อนว่าเขาอยากได้รสชาติแบบไหน เราก็ต้องเข้าใจว่าเขาอยากได้แบบไหน หน้าที่ผมคือผมต้องชงกาแฟให้คนกินอร่อยในแบบที่เขาชอบ”
.
“ในพาร์ทของคนเสิร์ฟกาแฟ ผมเคารพตัวเองก่อนเสมอว่าผมทำหรือเชื่อแบบไหน และผมก็เคารพลูกค้าว่าเขาควรจะได้แบบไหน มันเหมือนการกินอาหารตามสั่ง มันไม่มีอะไรพิเศษกว่ากัน แต่ลูกค้าจ่ายตังค์ เขาก็ควรจะได้สิ่งที่เขาอยากได้ กาเฟอีนมีรสขม กาแฟเป็นผลไม้ มันมีโอกาสจะเปรี้ยวได้อยู่แล้ว แต่วิธีชงมันสามารถปรับให้เข้ากับแต่ละคนได้ นี่คือสิ่งสำคัญ การที่ผมเอ็นจอยกับสิ่งที่ผมทำ เพราะผมรู้สึกสนุกกับการทำตามที่ชอบ”

ธนพัฒน์ อ่ำบำรุง จาก Kurasu Bangkok

แมน - ธนพัฒน์ อ่ำบำรุง จาก Kurasu Bangkok แชมป์ AeroPress ประเทศไทยปี 2018
แมน – ธนพัฒน์ อ่ำบำรุง จาก Kurasu Bangkok แชมป์ AeroPress ประเทศไทยปี 2018

“AeroPress มันทำกาแฟได้หลายหลายมาก มันสามารถแช่กาแฟไว้ได้ในระยะเวลาที่ต้องการ ยิ่งแข่นาน ยิ่งสกัดมากขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมทั้งเรื่องของเมล็ดกาแฟ การบด และอุณหภูมิ ถ้าวันไหนเราอยากได้กาแฟที่รสชาติเข้มข้นขึ้นเราก็แช่ไว้นานหน่อยประมาณ 2- 3 นาที หรือถ้าวันไหนเราอยากดื่มกาแฟเบา ๆ ก็ให้เราคว่ำมันไว้ให้ค่อย ๆ หยดเหมือนกาแฟดริป ซึ่งยังมีความเข้มข้นของกาแฟ และความสว่างของรสชาติอยู่ แต่ไม่แน่นเกินไป”

“การบาลานซ์ของรสชาติ กาแฟในหนึ่งแก้วมันจะมีทั้งขม เปรี้ยว หวานอยู่ในแก้วเดียวกัน แต่ถ้ามันมีรสชาติใดรสชาติหนึ่งมากเกินไป มันอาจจะทำให้เราไม่รู้สึกเอ็นจอยกับกาแฟแก้วนั้นเท่าไหร่ ถ้าเราบาลานซ์รสชาติได้ไม่มีรสชาติใดโดดจนเกินไปก็อาจจะแก้วที่สมบูรณ์แบบ และอาจจะเป็นแก้วที่เราดื่มได้ทุกวัน”

“ความหวานของกาแฟอาจจะจับได้ยากกว่ารสชม หรือรสเปรี้ยว แต่ก็มีเทคนิคง่ายที่จะทำให้รู้ว่ากาแฟแก้วไหนหวานหรือไม่หวาน ให้ลองดื่มน้ำตามหลังจากดื่มกาแฟเสร็จ ถ้ามีความรู้สึกเหมือนมีอะไรมาเคลือบลิ้นและชุ่มคอ นั่นแหละคือความหวานแบบธรรมชาติของกาแฟ ถ้าเราหาตรงนี้เจอแปลว่าการสกัดของเรามันเข้าเป้าแล้ว และรสชาติอื่น ๆ มันจะตามมาเอง”

“ถ้าเป็น AeroPress สำหรับผมแนะนำอุณภูมิไม่เกิน 90 องศากับกาแฟคั่วอ่อนถึงกลาง เพราะมันการแช่เข้ามาเกี่ยวข้องถ้าเราใช้น้ำในอุณภูมิที่สูง อาจจะทำให้กาแฟเราขมได้ง่าย พอมันติดขมแล้วจะปรับรสชาติให้กลับมาหวาน หรือมีความสว่างได้ยากแล้ว”

“อัตตราส่วนของกาแฟ และน้ำอยู่ที่ประมาณ 1:8 หรือ 1:10 และควรใช้กาแฟอย่างน้อย 12 – 15 กรัมขึ้นไป และเทคนิคของผมอีกอย่างคือการวอร์มอุปกรณ์ทุกชิ้นให้อุ่นเพื่อรักษาอุณภูมิของน้ำ”

“สำหรับกาแฟดริปผมอุณหภูมิของน้ำขึ้นอยู่กับกาแฟที่ใช้ ถ้ากาแฟอ่อนผมใช้ที่ไม่เกิน 93 องศา อัตตราส่วน 1:15 ปัจจัยที่ผมจะใช้ทำกาแฟผมจะดูว่ากาแฟตัวนี้คืออะไร ถ้าเป็นกาแฟที่คั่วอ่อนมาเราก็จะสกัดมากหน่อย ถ้าคั่วกลางมาก็จะไม่สกัดมากเท่าไหร่เพราะมันมีโอกาสที่จะ OVER EXTRACTION ได้ แบ่งการเทน้ำเป็นสามครั้ง ครั้งแรกใช้น้ำ 30 กรัม ครั้งที่สอง 100 กรัม และครั้งที่สาม 150 กรัม จบประมาณ 12 นาทีนิด ๆ”
.
“กาแฟมันไม่มีสูตรตายตัวสุดท้ายเราก็ต้องปรับหรือเพิ่มเติมอะไรลงไปในแก้วนั้น”

เบญจ เขมาชีวะ จาก Brew Lab

เบน - เบญจ เขมาชีวะ จาก Brew Lab แชมป์ AeroPress ประเทศไทยปี 2019 และอันดับ 2 ของโลกในการแข่งขัน World Aeropress Championship 2019
เบน – เบญจ เขมาชีวะ จาก Brew Lab แชมป์ AeroPress ประเทศไทยปี 2019 และอันดับ 2 ของโลกในการแข่งขัน World Aeropress Championship 2019

“กาแฟเป็นความชอบส่วนบุคคล เวลาแข่งขันความชอบนั้นอาจจะถูกกำหนดด้วยกรรมการ แต่การทำเพื่อเสิร์ฟตัวเองหรือเสิร์ฟเพื่อนมันอาจเปลี่ยนไป เพราะความอร่อยในแต่ละจุดประสงค์มันไม่เหมือนกัน การทำกาแฟหนึ่งแก้วให้อร่อยมันขึ้นอยู่กับบรรยากาศและบริบทด้วย การเลือกวัตถุดิบที่ดีย่อมให้ผลลัพธ์ที่ดี แต่สุดท้ายเราควรเลือกสิ่งที่เราชอบ ถ้าชอบฟรุ้ตตี้ก็เลือกคั่วอ่อน ถ้าไม่ชอบฟรุ้ตตี้ก็แนะนำคั่วกลางขึ้นไป อุณหภูมิที่พอเหมาะอยู่ที่ 85-92 องศาเซลเซียส ถ้ากาแฟคั่วอ่อนก็ 84-85 แต่ถ้ากาแฟคั่วเข้มก็ประมาณ 90 ได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับกาแฟด้วย เพราะแต่ละที่ความอ่อนและความเข้มมันก็ไม่เท่ากัน”

“ส่วนตัวผมชอบกาแฟกลม ๆ ไลท์ ๆ มีบอดี้ มีความหวาน ผมว่า Aeropress ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ดี เพราะมันมีเรื่องแรงดันที่ทำให้กาแฟมีความหวาน การบดกาแฟก็มีส่วน เพราะที่บดที่ดีย่อมให้ผลลัพธ์ที่ดีเช่นกัน ผมว่าการรู้จักและเข้าใจอุปกรณ์จะช่วยทำให้เราทำงานได้ง่าย”

Thailand AeroPress Championship 2022 by The Coffee Calling
ท่ากด AeroPress ที่เป็นเอกลักษณ์แบบฉบับรองแชมป์โลกของคุณเบน

“ข้อดีของ Aeropress สำหรับสายแคมป์ คุณพกพามันไปไหนมาไหนได้ง่าย แค่มีแก้วที่ปากใหญ่กว่ากระบอกแค่นั้นเอง ที่เหลือแค่เอากาแฟใส่กระบอก ใส่น้ำ เอาไม้ที่เขาให้มาคน ๆ ปิดฝา จะแช่นานขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าอยากให้กาแฟเข้มขนาดไหน ยิ่งกาแฟอยู่กับน้ำนานก็จะสกัดกาแฟเพิ่มขึ้น ปกติผมจะแช่เอาไว้ไม่เกิน 2 นาที โดยเฉลี่ย แต่ทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับกาแฟและวิธีการชงด้วยว่าซับซ้อนมากน้อยขนาดไหน เช่น อาจจะมีการคน เขย่าบ้าง ดันอากาศออกบ้าง ตรงนี้มันคือเสน่ห์ของ Aeropress คือสามารถชงให้ง่ายก็ได้ ชงให้ยากก็ได้ แต่ก็ยังได้กาแฟที่อร่อยเหมือนกัน กาแฟไม่มีตายตัว ความอร่อยแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน การทำกาแฟสำหรับผมจึงยืดหยุ่นมาก”

อนุวัต ธนสิทธิพันธ์ จาก Stack Coffee

มิก-อนุวัต ธนสิทธิพันธ์ เจ้าของแชมป์ AeroPress ประเทศไทยคนล่าสุด
มิก-อนุวัต ธนสิทธิพันธ์ เจ้าของแชมป์ AeroPress ประเทศไทยคนล่าสุด

“AeroPress น่าสนใจในแง่การใช้มือกด มันมีแรงดันประมาณหนึ่ง และมันก็ให้รสชาติที่แตกต่างออกไป”

“สำหรับการแข่ง ส่วนสำคัญที่ทำให้เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม ก็คือรู้ว่ารูปแบบการแข่งขันเป็นแบบไหน ต่อมาก็การชง คงคล้ายกับหลาย ๆ คนที่เริ่มชงจาก Recipe ที่กลาง ๆ ก่อน ตอนนั้นได้ดูข้อมูลและวีดีโอคลิปของ Tim Wendelboe กับ James Hoffmann และ Recipe ของคนที่ไปแข่ง Word Championship ในปีที่ผ่าน ๆ มา เราก็เอามาทดลองชงด้วยตัวเอง สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือตอนซ้อม เราต้องชมเพื่อแยกแยะสิ่งที่ชงออกมาได้ เพราะถ้าเราเปลี่ยนตัวแปร ปัจจัยนี้จะส่งผลอย่างไรต่อรสชาติ พยายามดูว่าเมื่อเราปรับเบอร์บด อุณหภูมิของน้ำ วิธีการกด หรือเวลาที่น้ำสัมผัสกับกาแฟ มันจะได้รสชาติออกมาแบบใด”

การแข่งขัน Thailand AeroPress 2022 ผู้แข่งขันใช้เมล็ดกาแฟ Thailand AeroPress 2022 Competition Blends (50% Thai Le Tor Gold, Tak *Natural Process by Chang Pao และ 50% Ethiopia Bule Adado G1 *Natural Process) จาก Paga Microroastery เหมือนกันทั้งหมด ข้อบังคับคือห้ามใช้กาแฟเกิน 18 กรัม

“เราเทเมล็ดกาแฟเกิน 18 กรัมมาเล็กน้อย และค่อย ๆ คัดเมล็ดที่ไม่สมบูรณ์ออกจนได้น้ำหนักที่พอดี จากนั้น ใช้เครื่องบดกาแฟมือหมุนของ Comandante โดยใช้เบอร์บดประมาณ 28-30 คลิ๊ก เลือก ใส่ฟิลเตอร์ 2 ชั้น และ ใช้น้ำร้อนในอุณหภูมิ 85 องศา ในปริมาณ 160 กรัม ระหว่างเทผงกาแฟและน้ำร้อนลงไปในเครื่อง ก็ใช้วิธีการคนประมาณ 5-6 ครั้ง โดยคนไปถึงก้น และคนจากข้างหน้าไปข้างหลัง เพื่อไล่อากาศออกจากปากกระบอก และกดให้เบาที่สุด โดยกดไปครึ่งหนึ่งก่อน แล้วเคาะเพื่อเกลี่ยผงกาแฟให้เสมอกัน จากนั้นกดอีกครึ่งที่เหลือจนได้ยินเสียงอากาศ ยกออกและเติมน้ำจากกาเดิมลงไปราว 20 กรัม เป็นอันเสร็จ”

แชมป์เอโร่เพรสประเทศไทยทั้ง 5 คน
แชมป์เอโร่เพรสประเทศไทยทั้ง 5 คน

THAILAND AEROPRESS CHAMPIONSHIP 2023 BY THE COFFEE CALLING

เตรียมพบกับการแข่งขันรายการ Thailand AeroPress Championship 2023 by The Coffee Calling ซึ่งปีนี้พิเศษและแตกต่างออกไปจากปีก่อน โดยเริ่มต้นจากการแข่งขันรอบภูมิภาค (Regional) ทั้ง 6 ภาค เพื่อเฟ้นหาตัวแทนภาคละ 6 คน รวมเป็น 36 คน จากทั้งหมด ผ่านเข้ารอบมาแข่งขันในระดับประเทศ (National) ที่กรุงเทพฯ

The Coffee Calling เขาฝากบอกมาว่า อย่ายืนเชียร์ข้างสนามเพลิน เวลาผ่านไปเร็วมาก โอกาสก็เช่นกัน คนที่ 6 ในปี 2023 นี้อาจเป็นคุณ ⁠สำหรับใครที่อยากเข้าร่วมแข่งขันในปีนี้ ผู้สมัครมีค่าสิทธิ์ในการเข้าแข่งขัน 2,800 บาท / คน / ภาค สามารถเลือกสมัครแข่งขันในภาคใดก็ได้ ลงสมัครกี่ภาคก็ได้ แต่หากชนะหรือได้เป็น 1 ใน 6 ตัวแทนภาคใด ๆ แล้ว จะไม่สามารถลงแข่งขันในภาคอื่น ๆ ได้อีก โดยผู้ชนะเลิศอันดับ 1 ของแต่ละภาคจะได้เข้ารอบ semi-final ในการแข่งขันระดับประเทศ แบบอัตโนมัติ โดยตัวแทนแต่ละภาคทั้ง 36 ท่าน จะไม่ต้องเสียค่าสมัครแข่งเพิ่มเติมในระดับ National และ World อีกด้วย

ท้ายที่สุดผู้ชนะหนึ่งเดียวในรอบ National จะได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันรายการ World AeroPress Championship 2023 ร่วมกับแชมป์จากประเทศอื่น ๆ อีกกว่า 60 ประเทศ ทั่วโลก⁠ และนี่คือไลน์อัพของผู้จัดร่วมในแต่ละภาค

อีสาน iTAC2023 x Anna Coffee Roaster
จัดร่วมกับงาน Brew Barn Fest 2023
ที่ Anna Coffee Roaster (หัวเรือ), อุบลราชธานี
วันที่ 11-12 มีนาคม 2566

ตะวันตก wTAC2023 x WESTKOFF
จัดร่วมกับงาน WESTKOFF 2023 ที่ 155 Camp, ราชบุรี
วันที่ 25-26 มีนาคม 2566

ใต้ sTAC2023 x Wha Pai Coffee Show
จัดร่วมกับงาน Wha Pai Coffee Show 2023
ที่ The Union ชั้น 3, นครศรีธรรมราช
วันที่ 8-9 เมษายน 2566

เหนือ nTAC2023 x Doi Tung Coffee
จัดร่วมในงาน (TBA)ที่ ไร่แม่ฟ้าหลวง, เชียงราย
วันที่ 13-14 พฤษภาคม 2566

กลาง cTAC2023 x The Summer Coffee Company
จัดร่วมในงาน (TBA) ที่ Summer Coffee Roasters, อยุธยา
วันที่ 20-21 พฤษภาคม 2566

ตะวันออก eTAC2023 x To Die For Coffee จัดร่วมในงาน (TBA)
ที่ Wheeler Bed & Bike Hotel, บางแสน (ชลบุรี)
วันที่ 3-4 มิถุนายน 2566

นอกจากคนชนะ จะได้มีสิทธิ์ในการเข้าร่วมการแข่งขันใน World AeroPress Championship 2023 พร้อมค่าเดินทาง และค่าที่พักแล้ว ยังมีรางวัลสำหรับผู้ชนะเลิศทั้ง 3 อันดับดังนี้⁠⁠รางวัลชนะเลิศ จะได้รับ Mahlkonig EK43s (มูลค่า 119,500 บาท)⁠รองวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับ Mahlkonig X54 (มูลค่า 23,000 บาท)⁠ รองวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับ Varia VS3 (มูลค่า 13,900 บาท) ⁠⁠อีกทั้งผู้ชนะเลิศในระดับ Regional ทั้ง 6 ภาคยังจะได้รับ เครื่องชั่ง ACAIA Pearl (2021) มูลค่า 5,900 บาท คนละ 1 เครื่อง อีกด้วย⁠ ของรางวัลทั้งหมดสนับสนุนโดย บริษัท พีเบอร์รี่ ไทย จำกัด ผู้สนับสนุน The Coffee Calling ในการแข่งขัน Thailand AeroPress Championship 2023 อย่างเป็นทางการ⁠

งานระดับภูมิภาคงานแรกของ Thailand AeroPress Championship 2023 by The Coffee Calling จะเริ่มต้นที่ภาคอีสาน โดย iTAC2023 จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 11 ถึงอาทิตย์ที่ 12 มีนาคมนี้ ที่ ANNA COFFEE ROASTERS (AT HUA RUEA) ณ โรงคั่วบ้านหัวเรือ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี⁠

ภายในงานนี้นอกจากจะมีการแข่งขัน ยังมีการออกร้านจำหน่ายกาแฟ อุปกรณ์กาแฟ กิจกรรม demon และ workshops เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กลุ่มคนกาแฟในระดับภูมิภาค ทำให้วงการกาแฟโดยรวมได้พัฒนายิ่งขึ้น ส่งต่อไปถึงกลุ่มคนรักกาแฟในวงกว้างอีกด้วย งานนี้ผู้จัด The Coffee Calling ยังแอบกระซิบว่ามีกิจกรรม Bar Takeover จากแชมป์เก่าก่อนหน้างานแข่ง 1-2 วัน ที่ร้านกาแฟชื่อดัง 3-4 ร้านในจังหวัดอุบลราชธานี ติดตามรายละเอียดได้ในเพจ The Coffee Calling นะ

EXPLORERS: โก้, แมน, เบน, เน่, มิก
AUTHOR: บดินทร์ บำบัดนรภัย, นวภัทร ดัสดุลย์
PHOTOGRAPHER: นวภัทร ดัสดุลย์, ศุภกร ศรีสกุล

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *