หากคุณมองหาคนนำเที่ยว ด่านซ้าย เลย เพื่อหาสถานที่แปลกใหม่หรือแง่มุมน่าสนใจที่อาจไม่เคยรู้จัก แนะนำให้ทักไปหา เบียร์ แห่ง อานุภาพเฮ้าส์
ผมออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ในเช้าวันเสาร์ ช่วงค่อนไปทางปลายเดือนตุลาคม เพื่อร่วมงานโรดทริป ‘Camping Tour นัวแดนอีสาน’ ที่บ้านและสวน Explorers Club จัดร่วมกับ Coleman Thailand เป็นเวลา 4 วัน 3 คืน โดยมีจุดหมายปลายทางคืนแรกอยู่ที่ ด่านซ้าย เลย จากนั้นจึงจะลงไปพักที่ชัยภูมิ และนครราชสีมาตามลำดับ
คืนแรกที่ด่านซ้าย เรานอนที่ลานกางเต็นท์ชื่อว่า The Enlighten Coffee and Community พร้อมกับวิวที่สวยงามแบบตะโกน ระหว่างการร่วมทริปครั้งนี้ ทำให้ผมได้พบปะกับผู้คนมากมายจากที่ต่าง ๆ มีทั้งคนในและนอกพื้นที่ แต่มีบุคคลหนึ่งที่ผมสะดุดตาเป็นพิเศษ นั่นคือ เบียร์ – อานุภาพ จันทะแก้ว ชาวอำเภอด่านซ้าย เขาสาละวนต้อนรับพวกเราด้วยรอยยิ้มและไมตรีจิต จนผมสัมผัสได้ว่าเขาดูมีอะไรน่าค้นหาและน่านั่งคุยด้วย จนกระทั่งได้ทราบว่าเขาคือผู้นำทางพาพวกเราไปเที่ยวในวันรุ่งขึ้น
ผมเคยมาจังหวัดเลย แต่ไม่เคยมาถึงอำเภอด่านซ้าย ครั้งนี้จึงถือเป็นครั้งแรก จริง ๆ ก่อนมาที่นี่ผมได้ลองหาข้อมูลเกี่ยวกับด่านซ้ายมาบ้าง จึงทำให้ทราบว่า ที่นี่มีธรรมชาติงดงาม ท่ามกลางภูเขาล้อมรอบ และมีประวัติศาสตร์ของเมืองที่น่าสนใจ เป็นเหมือนเมืองที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก จนเมื่อได้มาถึงด่านซ้ายครั้งนี้ สัมผัสแรกขอบอกเลยว่าที่นี่อากาศดีมาก จนผมนึกอิจฉาคนที่นี่ แต่พอลองย้อนถามตัวเองว่า
“เราจะทิ้งความต้องการของชีวิตสมัยใหม่ได้มากแค่ไหนกันนะ เพื่อมาสัมผัสอิสรภาพที่แท้จริงในสถานที่ที่สวยงาม น้อยคนนักจะได้เห็นด่านซ้าย เมืองเล็ก ๆ ท่ามกลางหุบเขา เมืองที่หันหลังให้ความพลุกพล่าน เมืองที่ยังรอการมาเยือนของเหล่านักเดินทาง เมืองที่ดูเหมือนตัดขาดจากโลกภายนอก”
ที่ The Enlighten Coffee and Community ผมได้มีโอกาสนั่งคุยกับเบียร์เป็นการส่วนตัว โดยมีพี่ ๆ น้อง ๆ นั่งคุยอยู่ข้าง ๆ ซึ่งต่างคนต่างจับคู่คุยกันไป เป็นบรรยากาศแบบรอบกองไฟ ครั้งแรกที่พบเบียร์ ผมคิดว่าเบียร์เป็นเจ้าของ
“ที่นี่เป็นของรุ่นน้องของผมครับ เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่เรียนจบจากเชียงใหม่ แล้วกลับบ้านมาทำร้านกาแฟ และลานกางเต็นท์” เบียร์บอกกับผม ขณะที่เราเริ่มทำความรู้จักกันผ่านบทสนทนา อันนำไปสู่บทหนึ่งของชีวิต และการได้พากาย-ใจกลับสู่บ้านเกิด
“ผมมีบ้านอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ครับ ผมทำโฮมสเตย์ ชื่อ อานุภาพเฮ้าส์ อยู่กับแม่สองคน”
เหตุผลที่เบียร์กลับบ้าน
“ผมกลับบ้านเพราะแม่ครับ พ่อผมเสีย ผมคิดว่าแม่ไม่น่าอยู่คนเดียวได้ ก็เลยลาออกจากงานที่ทำครับ พ่อเสียปุ๊บ ผมก็ลาออกเลย ไม่อยากให้แม่เคว้งนาน ต้องเทคแคร์ความรู้สึกแม่ มันหลายอย่างครับที่สะสมมา เลยรีบลาออก แล้วกลับมาบ้านเลย พอกลับมาอยู่บ้าน ผมค่อนข้างเครียด เพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อเพื่อความมั่นคงในชีวิต
“ตอนผมอยู่กรุงเทพฯ ผมทำงานอยู่ 2-3 อย่าง ผมเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ครับ และทำงานบริษัทข้ามชาติของสวีเดน งานที่นี่ค่อนข้างสบาย ไม่ได้ลำบากมาก เราไปทำงานสายได้ เราจะมีงานที่เรารับผิดชอบประจำ คือโฟโต้เอดิเตอร์เกี่ยวกับงานออกแบบตกแต่งภายใน พอเรามีงานที่เรารับผิดชอบ ทำเสร็จเรากลับบ้านได้เลย หยุดเสาร์ – อาทิตย์ นี่คือชีวิตในเมืองหลวง พอมีเวลาว่าง เราก็ทำอย่างอื่นเสริม เช่น ขายกล้องฟิล์มออนไลน์ อย่างน้อยก็ช่วยให้ผมมีอะไรทำในช่วงแรก ๆ ตอนเรากลับบ้านเหลือสิ่งที่ทำอยู่ 2 อย่าง ก็ยังดี ไม่ได้เคว้งไปเสียทีเดียว”
คนแปลกหน้าในบ้านตัวเอง
“ผมออกจากบ้านสู่กรุงเทพฯ ตอนอายุ 16 ปี ครับ จนเรียนจบมหาวิทยาลัย ผมเป็นคนที่มีเพื่อนไม่เยอะ พอกลับมาบ้านมาเจอเพื่อน ๆ ที่เคยเรียน เคยรู้จักในวัยเด็ก กลายเป็นว่าเขายังสนิทกับเราเหมือนเมื่อวันก่อน ๆ เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ที่จะเปลี่ยนก็คือตัวเราที่เติบโตขึ้นในทุก ๆ ด้าน ดีที่เรายังมีเพื่อนอยู่ จนถึงทุกวันนี้ ทำให้เรามั่นใจว่า อย่างไรเสีย เราก็ยังมีเพื่อน มีคนรู้จัก และไม่ได้อยู่คนเดียวบนแผ่นดินที่เราเกิด
“ผมคิดว่าการกลับมาบ้านเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องสำหรับผม เพราะผมไม่สามารถหาคนสนิทที่พูดคุยกันรู้เรื่องในแบบเดียวกันได้ในที่ที่เคยอยู่ ผมเจอคนไทป์เดียวกันแบบนี้น้อยมาก เวลาเรากลับบ้านมาอยู่ที่นี่ พอมีปัญหา คนที่นี่พร้อมจะช่วยเราตลอดเวลา ครั้งหนึ่งผมกลับบ้านใหม่ ๆ ช่วงโควิด ผมเครียด แล้วดื่มเบียร์ไป 3 กระป๋อง ผมวูบไป 5 นาที เพื่อนก็ตบ ๆ เรียกสติ อยู่ดี ๆ ก็ฟื้นขึ้นมา แล้วงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ทุกคนมายืนล้อมตัวผมหมดเลย มันรับรู้และรู้สึกได้ว่าทุกคนห่วงผม หลังจากนั้นเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่ทราบข่าวก็จะแวะเวียนมาถามไถ่อาการผมเป็นระยะ เป็นสังคมที่อบอุ่นและหาจากที่อื่นไม่ได้
“จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ผมเห็นแม่ยืนร้องไห้อยู่ ผมหยุดดื่มไปเลย 3 -4 ปี”
จุดเปลี่ยน
“ก่อนหน้าที่จะกลับบ้าน ผมเคยคิดจะไปเปิดร้านส้มตำที่เชียงใหม่ แต่พ่อมาป่วยเป็นมะเร็งเสียก่อน จึงต้องพับโครงการนั้นเก็บไป ทั้ง ๆ ที่ไปดูบ้านและสถานที่มาแล้ว กลายเป็นว่าต้องกลับบ้านมาอยู่กับแม่ เมื่อกลับมาบ้านแล้วต้องมองหาอาชีพครับ ตอนนั้นก็เครียดนะ เพราะยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปดี พยายามมองหาสิ่งรอบตัว มองมาที่บ้านเราเอง เรากลับบ้านเพื่อมาอยู่กับแม่ และไม่อยากจากไปไหนอีกแล้ว จึงเกิดไอเดียทำบ้านให้เป็นที่พักชื่อว่า “อานุภาพเฮ้าส์” เป็นโฮมสเตย์ และทริปท่องเที่ยวผมคิดแค่นี้เลย
“ถึงวันนี้ผมทำมา 4 ปี แล้ว จากทำเล่น ๆ มันได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตครับ อย่างที่เล่าไว้ตอนต้น ไอเดียเริ่มจากเพื่อนผมชอบมาเที่ยวที่บ้าน มากินมานอน ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนในแวดวงโฆษณา ออกแบบ เวลาที่ล้า ๆ จะมาอยู่กันหลายวัน พอมาอยู่แล้ว ผมรู้สึกว่าบ้านเรานี่มีอะไรหลายอย่างที่น่าสนใจ น่าลองทำ ก็พาเพื่อนไปเที่ยวในสิ่งที่เราอยากอวด อยากบอกว่าบ้านเรามีดีอะไร คือเราไม่อยากขายของเดิมที่มีอยู่แล้วอย่าง ผีตาโขน ซึ่งใคร ๆ ก็รู้จัก ผมเลยคิดว่าขายของใหม่ที่คนไม่รู้จัก ไม่เคยมาที่นี่ บางคนคิดว่าด่านซ้ายเป็นเหมือนเมืองอีสานทั่วไป แต่ไม่ใช่ ด่านซ้ายเป็นเมืองในหุบเขา มีป่าไม้ล้อมรอบที่น่าสนใจ”
การท่องเที่ยวแบบของเรา
“ผมทำทริป 3 วัน 3 คืน ที่ต้องมาใช้ชีวิตกับผม พาไปกางเต็นท์ 1 คืน นอนที่บ้าน 2 คืน มีพื้นที่กางเต็นท์นอนบนภูเขา มีเส้นทางเทรคกิ้ง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของเพื่อน ๆ ที่นี่ผมทำธุรกิจเอื้อกับชุมชน และคนอื่น ๆ มากกว่าที่จะเก็บทุกอย่างไว้คนเดียว เราอยู่ด้วยความเอื้อเฟื้อกัน รักกัน ไม่ใช่ว่าเราจะทำแต่ธุรกิจ โดยไม่เห็นหัวใคร ผมว่ามันไม่เวิร์ค ทุกคนเขาก็จะเกลียดเรา และเราก็อยู่ได้ไม่นาน ถ้าเราทำให้ทุกคนรักเรา เวลามีอะไร เขาก็จะแนะนำมาหาเรา เราได้น้อย แต่ได้เรื่อย ๆ ผมว่า ผมโอเคครับ เมืองนี้น่ารัก เมืองเล็ก ๆ คนน่ารัก พอคนน่ารัก ก็จะรู้สึกสบายใจ สุขใจที่จะอยู่ ที่นี่อากาศดีตลอดทั้งปี ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงฤดูร้อน ก็ยังต้องนอนห่มผ้า ภูมิประเทศดี ประวัติศาสตร์ที่ดี ผมคิดว่านี่แหละเป็นเสน่ห์ของด่านซ้าย”
ด่านซ้ายเมืองเก่า
“ด่านซ้าย สิ่งแรกที่หลายคนคิดถึง คือ ผีตาโขน แต่สำหรับผม ผมคิดว่าด่านซ้ายมีศักยภาพด้านอื่น ๆ ด้วย เป็นเมืองในหุบเขา และในอดีตเคยโดนฝรั่งเศสยึดครองอยู่ 5 ปี และเกือบต้องตกเป็นของฝรั่งเศส โดยไม่ได้สร้างอะไรไว้ นอกจากเนินเขาลูกหนึ่งที่พวกทหารมาตั้งแคมป์ไว้บนนั้น คือ ภูอังลัง ชาวบ้านที่นี่เรียกว่า เนินฝรั่งส่อง อย่างน้อยก็เป็นสิ่งเตือนใจให้คนด่านซ้ายได้ระลึกถึงว่าครั้งหนึ่งเกือบเสียดินแดน วัฒนธรรมของด่านซ้ายโดยมากเป็นเรื่องความเชื่อ ในสมัยก่อนคนนับถือผี ก่อนที่จะมานับถือพุทธ ดังนั้นที่ด่านซ้ายยังมีการบูชาและนับถือผี มีร่างทรงอย่าง เจ้าพ่อกวน เจ้าแม่นางเทียม เป็นร่างทรงผีเจ้าเมือง”
ไกด์ชุมชนคนท้องถิ่น
“ไม่ได้คิดว่าจะเป็นไกด์ขนาดนั้น ผมแค่อยากพาเพื่อน ๆ เที่ยวแบบที่เราเที่ยว แล้วผมคิดว่ามันว้าวมาก ถ้าไปในที่ที่ไม่มีในรีวิว ผมคิดเยอะเหมือนกันว่า รูปแบบการพาเที่ยวจะเป็นอย่างไร สุดท้ายคงไม่มีอะไรดีไปกว่าการเป็นตัวเอง เที่ยวอย่างที่ตัวเองเที่ยว ผมเป็นคนนำเที่ยวชุมชนยุคใหม่ก็ว่าได้นะครับ แต่ตลาดมันค่อนข้างจะ Niche Market สักหน่อย ลูกค้าที่มาเที่ยวกับผมส่วนใหญ่เน้นความเป็นส่วนตัว มาคนเดียว หรือมา 2 คนครับ และมักจะมาซ้ำ มีบางครั้งแนะนำให้เพื่อนมาลองเที่ยวแบบนี้ดูบ้าง ผมโชคดีที่ที่บ้านมีพื้นที่เยอะ บ้านจะอยู่กลางสวน ในสวนก็จะปลูกกาแฟอาราบิก้า พ่อปลูกไว้ ได้ผลผลิต ผมก็ลองเอามาทำตามขั้นตอนการโพรเซสกาแฟ นำมาตำ คั่ว บด เป็นอะไรที่เวลาเพื่อน ๆ มา ก็จะมีเรื่องราวสนุกๆ ให้ลองทำ และได้พูดคุย”
คาดหวังอะไรในอนาคต
“ผม… (เบียร์เงียบไปนานมากก่อนจะตอบว่า) ไม่ต้องการให้คนมาเยอะนะ ผมไม่ต้องการจำนวน ผมต้องการคุณภาพมากกว่าเพราะว่าคนที่มาเจอเรา ควรเป็นคนที่พูดจาภาษาเดียวกัน ชอบเหมือนกัน คุยกันรู้เรื่อง แล้วเวลาเขากลับบ้านไป เขาอยากจะกลับมาอีก ไม่ใช่จ่ายเงินแล้วจะมาเอาทุกอย่างให้ได้ดั่งใจ พอกลับไปก็ไม่ได้สนใจอะไร ก็แค่มาเที่ยวตามกระแส สิ่งที่ผมทำคือทำแบบไพรเวททริป นักท่องเที่ยวที่ซื้อทริปมา เขาจะรู้สึกว่าเขาสบายใจ เราเป็นคนนอกวงชีวิตของ แต่เขาสามารถเล่าเรื่องทุกอย่างในชีวิตให้เราฟัง มันก็มีทั้งดีและแย่ เราต้องรับอารมณ์นั้นไว้ เป็นการท่องเที่ยวที่เหมือนมา Healing มากกว่า
“ครั้งหนึ่งมีนักท่องเที่ยวเล่าว่า เขาอยากจะฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดตึกตาย แต่เหมือนว่าเราแว๊บเข้าไปในหัวเขา คือก่อนหน้านั้น เขาจ่ายเงินซื้อทริปมาท่องเที่ยวกับเรา เขาคิดขึ้นได้ว่าต้องไปเที่ยวนี่หว่า จ่ายเงินไปแล้ว เที่ยวก่อนแล้วค่อยกลับมาตาย พอมาถึง เขาก็ใช้ชีวิตปกติครับ พอวันกางเต็นท์ เขาร้องไห้ ระบายพรั่งพรูออกมา เรานั่งคุยกันถึงตี 3 พอจบทริปกลับบ้านไป เขาก็ดีขึ้น และไม่คิดฆ่าตัวตาย
“เราในฐานะผู้ฟังก็รู้สึกดีที่ทริปของเราสามารถเยียวยาจิตใจคนได้ ผมว่ามันเกินความคาดหมายนะ ฉะนั้นกับสิ่งที่ถาม ผมยังตอบเหมือนเดิมว่า ไม่อยากให้คนมาเที่ยวเยอะ ผมอยากให้การมาด่านซ้ายของทุกคนเหมือนได้มาพักผ่อนจิตใจ และพักผ่อนร่างกาย ไม่จำเป็นว่าจะต้องมาพักที่อานุภาพเฮ้าส์ก็ได้ ผมยินดีที่จะเห็นทุกที่ในด่านซ้ายมีรายได้แบบกระจายไม่กระจุก
“มาพักที่นี่ ผมกับแม่ทำอาหารมื้อพิเศษให้รับประทาน 1 มื้อ มีข้อแม้ว่าคุณต้องช่วยเราทำ ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นทำ เพียงแค่คุณพาตัวเองมาถึงด่านซ้ายให้ได้ ที่เหลือนอกจากนั้นเราดูแล Arnuparp Journey and Friend อยากให้ทุกคนคิดว่ามาเที่ยวบ้านเพื่อนมากกว่า”
EXPLORER: เบียร์ – อานุภาพ จันทะแก้ว
AUTHOR: ตู่-ไตรรัตน์ ทรงเผ่า
PHOTOGRAPHER: ปลื้ม-พงค์พัฒน์ ยอดแคร่ว
ติดต่อ: 23 หมู่ 3 อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
โทร. 08-6864-2804
FB @ArnuparpHouse