การตัดสินใจปล่อยลูกชายวัย 7 ขวบ ไปเดินป่าคนเดียวโดยที่ไม่มีแม่ไปด้วยเป็นเรื่องยากมาก หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาของความเป็นตายมาแล้ว ทำให้แม่แอนท์คิดได้ว่าชีวิตมันแสนสั้น ถึงสุขภาพของเราพร้อมลุยไปกับลูกด้วยไม่ได้ แต่ถ้าหากมีโอกาสทำอะไรให้ลูกได้ก็ควรทำ เมื่อลูกเอ่ยปากอยากไปเองอย่างมั่นใจ บอกจะไม่งอแง อยู่กับคนอื่นและดูแลตัวเองได้ แม่ก็มั่นใจว่าประสบการณ์ครั้งนี้จะทำลูกเข้มแข็ง และในวันหนึ่งลูกจะอยู่ได้แม้ไม่มีแม่
หลังจากคุณแอนท์ประทับใจกับการเดินป่าท่องเที่ยวไปกับสามีที่ฮ่องกง การได้เห็นเด็ก ๆ คนอื่นได้ออกมาท่องเที่ยวแบบนี้กับพ่อแม่ในช่วงเวลานั้น ทำให้รู้สึกว่าเราควรพาลูกมาทำอะไรแบบนี้ดูบ้าง นั้นคือจุดเริ่มต้นของประสบการณ์ครั้งใหม่ในชีวิตของแม่ และน้องธีร์นักเดินป่ารุ่นเยาว์วัย 7 ขวบ
หลังจากที่กลับมาจากฮ่องกง คุณแอนท์เลือกภูกระดึงเป็นจุดหมายแรกสำหรับประสบการณ์นอกห้องเรียนของลูก ๆ และถือเป็นการเดินป่าท่องเที่ยวในเมืองไทยครั้งแรกสำหรับตัวเธอเองด้วย ครั้งนั้นเป็นเดินทางเพียงแม่และลูก ๆ อีก 2 คน น้องธีร์ และน้องธัญน้องสาว ส่วนคุณพ่อติดภาระกิจอยู่ต่างประเทศไม่ได้มาด้วย ตลอดระยะทางการเดินขึ้นเขา ด้วยความเหนื่อยล้าทำให้ลูก ๆ มีงอแงไปบ้างตามประสาเด็ก เราเป็นแม่ก็คอยแต่ให้กำลังใจ และทำหน้าที่ประคับประคองทั้งตัวเองและลูก ๆ ไปถึงด้านบนให้ได้ ประสบการณ์ในครั้งนี้อย่างน้อยจะทำเด็ก ๆ ค้นพบความชอบของตัวเอง และทำให้เส้นทางชีวิตของเขาชัดเจนขึ้น
ทันทีที่ไปถึงหลังแปรยอดเขาภูกระดึง จากความงอแงของเด็กชายกลายเป็นความร่าเริงอย่าน่าประหลาดใจ ธรรมชาติที่อยู่ตรงหน้าสร้างความตื่นเต้นให้กับน้องธีร์เป็นอย่างมาก ทุกอย่างที่นั่นมันเหมือนอีกโลกของเขา ถึงแม้ว่าการเที่ยวภูกระดึงครั้งนั้นจะทำได้เพียงแค่เดินเล่นอยู่ในบริเวณจุดกางเต็นท์ แต่ก็ถือว่าแม่ประสบความสำเร็จไปแล้วหนึ่งก้าวกับการเริ่มต้นการปลูกฝังความรักในธรรมชาติให้กับเด็กชายตัวเล็ก ๆ คนนี้ ทุกอย่างมันสร้างความประทับใจจนเด็กชายต้องเอ่ยปากบอกแม่เองเลยว่าขอมาอีกครั้ง
ภูกระดึงรอบสองของเด็กชายครั้งนี้แตกต่างกับครั้งแรกแบบเห็นได้ชัด เด็กชายไร้เสียงงอแง และกลายเป็นไกด์นำพ่อเที่ยวแทน คราวนี้สามคน พ่อ แม่ และน้องธีร์ เดินเท้าท่องเที่ยวกันไปทั่วภูกระดึง ความสวยงามตามหน้าผาต่าง ๆ กลายเป็นภาพประทับใจฝังแน่นในใจเด็กชาย และนี่คือโอกาสที่ดีในการปลูกฝังเรื่องการท่องเที่ยวแบบถูกต้องให้กับลูกไปด้วย น้องธีร์เริ่มรับผิดชอบกับขยะของตัวเองทุกชิ้น “แม่ให้สอนให้หนูรักธรรมชาติเก็บขยะ แต่ทำไมผู้ใหญ่ยังทิ้งขยะ” คำถามชวนสะอึกของเด็กชาย กลายเป็นโจทย์ข้อใหม่ของแม่ เราต้องยอมรับว่าในแต่ละที่เราจะพบกับนักท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ มีทั้งตัวอย่างที่ดีและไม่ดีผสมกันไป การหาสังคมของการเดินป่าแบบถูกต้องน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการปลูกฝังวัฒนธรรมการท่องเที่ยวที่ดีและถูกต้องให้แก่ลูกได้
“โรงเรียนนักเดินป่า” โดยอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ดูเหมือนเป็นประตูบานใหม่ที่เปิดอ้าให้เด็กชายได้เข้าไปเรียนรู้ประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น ในความคิดของแม่ ที่นั่นนอกจากจะมีเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญคอยให้ความรู้แล้ว ผู้คนที่มาก็ถูกคัดสรรมาแบบเฉพาะ ด้วยระบบการลงทะเบียนและการอบรมณ์ต่าง ๆ ก็พอจะวางใจได้ว่าเด็กน้อยน่าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีอย่างแน่นอน และในที่สุดเด็กชายธีร์ก็กลายเป็นหนึ่งในสมาชิก โรงเรียนนักเดินป่ารุ่น 8 ที่ภู 1700 เป็นที่เรียบร้อย หลังจากกลับมายิ่งทำให้เด็กชายหลงใหลธรรมชาติมากขึ้นกว่าเดิมแบบชนิดที่พูดถึงอยู่เป็นประจำจนเอ่ยปากขอมาอีกในครั้งที่สอง ที่น้ำตกขุนนำ้ปัว
ด้วยปัญหาด้านสุขภาพครั้งใหญ่ของชีวิตทำให้แม่ต้องพักฟื้นพักระยะยาว กิจกรรมการแจ้งหนัก ๆ ดูเหมือนจะเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับช่วงเวลานี้ และเด็กชายที่กำลังมีแรงบันดาลใจกับธรรมชาติที่ทุกอย่างกำลังไปได้สวยจะมาสะดุดด้วยเรื่องนี้ ‘แม่ไม่ยอม’
การผ่านช่วงเวลาของความเป็นความตายมาแล้วยิ่งทำให้คนเป็นแม่เห็นความสำคัญของชีวิต เมื่อวันนี้เรายังมีชีวิตอยู่ นี่คือช่วงเวลาที่เรายังสามารถทำอะไรเพื่อลูกได้ ทำให้คุณแอนท์ตัดสินใจพาน้องธีร์ไปเดินป่าอีกครั้ง…แต่ครั้งนี้น้องธีร์ต้องไปเดินคนเดียวโดยที่ไม่มีแม่ แต่เมื่อลูกเอ่ยปากอยากไปเองอย่างมั่นใจ สัญญาว่าจะไม่งอแง อยู่กับคนอื่นและดูแลตัวเองได้ แววตามุ่งมั้นจริงจังของลูกชายก็พอที่จะทำให้แม่สบายใจได้บ้างประกอบกับประสบการณ์ ที่เคยสัมผัสมาจากครั้งที่แล้ว ด้วยความเป็นมืออาชีพของเจ้าหน้าที่ยิ่งทำให้มั่นใจได้ว่าน้องธีร์จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีแน่นอน ซึ่งทุกอย่างไม่ผิดไปจากที่คิดไว้ ตลอดช่วงเวลาท่องเที่ยว 3 วันในป่า คุณใหญ่ และทีมงานเจ้าหน้าที่ทุกคน รวมถึงนักท่องเที่ยวคนอื่นดูแลและให้ความเอ็นดูน้องธีร์เป็นอย่างดี
คุณแอนท์ยอมรับว่า ช่วงเวลาที่ตัดสินใจปล่อยลูกไปคนเดียวคือช่วงเวลาที่บีบหัวใจคนเป็นแม่อย่างมาก ตั้งแต่เกิดมาไม่มีวันไหนเลยที่ลูกจะไม่อยู่ในสายตา ในป่าสามวันที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ติดต่อไม่ได้เป็นกลายเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานกว่าปกติ แต่เราไม่สามารถดูแลเขาได้ตลอดชีวิต และวันหนึ่งเขาต้องอยู่ได้เองโดยที่ไม่มีเรา คุณแอนท์บอกว่านี่คือการฝึกฝนหัวใจของเราทั้งสองคนแม่ ลูก ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น
“ชีวิตของแม่ที่เหมือนพระอาทิตย์กำลังตกดิน ในขณะที่ลูกเหมือนพระอาทิตย์ขึ้น” เขาควรที่จะได้โอกาสเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย การปลูกฝังเรื่องธรรมชาติคือพื้นฐานสำคัญอีกหนึ่งอย่างเพื่อในวันหนึ่งข้างหน้าเขาอาจจะสร้างประโยชน์ให้กับสังคมได้ในแบบเขาเอง หลังจากกลับมา ลูกไม่งอแง และมีเรื่องเล่าให้แม่ฟังเยอะแยะไปหมดเหมือนเป็นนิยาย “ล่องไพร” เวอร์ชันเด็กอะไรแบบนั้น
ในฐานะที่พวกเราชาวบ้านและสวน Explorers Club ได้เป็นเพื่อนร่วมทางกับน้องธีร์ ต้องขออบอกว่าเจ้าหน้าที่ และคนในแคมป์ทุกคนคือพี่เลี้ยงที่ดูและน้องธีร์เป็นอย่างดี และน้องธีร์ดูเหมือนจะสนุกกว่าใครเพื่อน โคลนกลายเป็นสนามเด็กเล่น ลำธารคือสวนน้ำขนาดใหญ่ ต้นไม้ ก้อนหินคือเก้าอี้และที่พักพิง มีสัตว์และแมลงเป็นเพื่อน มีเจ้าหน้าที่เป็นครู นี่คือประสบการณ์ชั้นดีที่ได้จากการเที่ยวป่า ตอนนี้เมล็ดพันธุ์แห่งความรัก ความหวัง ความดี เริ่มหยั่งรากผุดใบในหัวใจเด็กชายวัย 7 ขวบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เด็กบางคนชอบป่า บางคนชอบกีฬา บางคนชอบวิทยาศาสตร์ ความชอบเด็กแต่ละคนล้วนแตกต่างกัน ความฝันก็แตกต่างกัน หากไร้การผลักดันสนับสนุนของคนเป็นพ่อเป็นแม่ หรือครอบครัวความฝันของเด็ก ก็คงเป็นเพียงความฝันอยู่อย่างนั้นจริงไหม
ขอบคุณเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ลูกหาบ เพื่อนร่วมทางทุกท่าน แม่แอนท์ และน้องธีร์นักท่องไพรวัย 7 ขวบ ที่นำพาเรื่องราวที่น่าประทับใจมาสู่พวกเราทุกคน
EXPLORERS: แม่แอนท์ (พิมพ์อัปสร เกตุพุ่ม), น้องธีร์ (ด.ช.ธีร์ พึ่งสุข)
AUTHOR: บดินทร์ บำบัดนรภัย
PHOTOGRAPHER: ศุภกร ศรีสกุล