หว่าวาโจ ในภาษาปกาเกอะญอ หมายถึง ยอดดอยไผ่ขาว ซึ่ง หว่าวา หมายถึง ‘ไผ่ขาว’ และโจ ก็คือ ‘ยอดดอย’ ซึ่งเท่าที่ผมถามพี่โย คนนำทางที่เป็นปกาเกอะญอแท้ ๆ และเป็นคนพื้นที่โดยกำเนิดก็บอกว่า “มันไม่มีไผ่ขาวสักต้นข้างบน” หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของพวกเรา สรุปเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชื่อนี้มันมาจากไหน
ทริปเดินป่า หว่าวาโจ – ปุยหลวง สุดสนุกครั้งนี้ เราได้มีโอกาสไปแจมกับ SEA TO SUMMIT ประเทศไทย ที่เขาจัดกิจกรรมท่องเที่ยว ‘Trekking Hero Challenge 2023’ กับการเฟ้นหาสุดยอดนักเดินป่าสายแบก ลุย 7 ดอยทั่วประเทศ ล่าแต้มแจกรางวัลกันไป ส่วนพวกเรา Explorers Club ขอไปแจม ๆ ก็พอ อย่าถึงกับไปลุยกันเจ็ดแปดดอยเลย ต้องถนอมข้อเข่าไว้ก่อน เพราะในอนาคตเราต้องลุยกันอีกหลายทริป
นี่คือการเดินทางแบบไม่ดูรีวิว ไม่ดูรูป ไม่รู้ว่าเส้นทางเดินเป็นอย่างไร และไม่ได้คาดหวัง มีแต่ภาพในหัวที่จินตนาการเอาจากคำบอกเล่าของคนที่เคยไปมาแล้ว มันกลายเป็นเรื่องเกินกว่าที่คิดไปมาก เหวอตั้งแต่ก้าวแรกที่เริ่มเดิน
เส้นทางที่พวกเราเดินขึ้นไปเป็นเส้นทางธรรมชาติที่ชาวบ้านเขาใช้สัญจรกับเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งอยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งความดีงามของเส้นทางนี้ก็คือคุณสามารถจะเดินแบบยาว ๆ 4 -5 วัน ไปมันทุกดอยก็ได้ หรือจะเลือกเฉพาะดอยที่อยากไปก็ได้ ครั้งนี้พวกเราใช้เวลาเสพธรรมชาติแบบพอหอมปากหอมคอ 3 วัน 2 คืนก็พอ โดยเริ่มต้นจาก ‘ดอยหว่าวาโจ’ และไปสิ้นสุดที่ ‘ดอยปุยหลวง’
เรารวมตัวกันที่ บ้านเคียงดอย รีสอร์ท ที่ห่างจากตัวเมืองไม่ถึงสิบกิโล หลังจากนั้นพวกเราก็ยกพลนั่งท้ายกระบะโฟร์วีลของชาวบ้านขึ้นเขาไปอีกประมาณเกือบชั่วโมง เส้นทางขึ้นเขาคดเคี้ยวทำพวกเราถึงกับพะอืดพะอมกันเล็กน้อย เอาล่ะสิ! นี่ยังไม่เริ่มเดินพลังก็ลดเสียแล้ว จนแล้วจนรอดผมก็ประคองตัวเองอย่างมึน ๆ มาถึงจุดเริ่มเดินจนได้ ทางเดินขึ้นอยู่กันริมถนนง่าย ๆ ใกล้ ๆ กับบ้านน้ำฮูหายใจ และความเหนือความคาดหมายก็เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ก้าวแรก…..
เนินรับแขก
“เนินชัน ๆ นั่นคือเส้นที่เราต้องเดินไปเหรอครับ!” ผมถามด้วยความสงสัย คำตอบที่ได้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง พวกเรามนุษย์ที่กำลังพะอืดพะอมยังไม่หายถูกรับแขกด้วยเนินชัน เดินดันกันยาว ๆ เหงื่อยังไม่ทันออกเสียงหอบก็ดังเสียแล้ว นี่ยังนับว่าดีที่งานนี้ผมลดน้ำหนักสัมภาระด้วยการใช้เต็นท์ และอุปกรณ์แบบเบา ๆ มาบ้างเลยพอทำให้ถู ๆ ไถ ๆ เดินไปกับเขาได้ ด้วยเส้นทางที่ค่อนข้างชันเลยทำให้เราใช้เวลาเดินไปถึงยอดไม่นานนัก สักพักก็พอได้เห็นวิวของทิวเขาที่สลับซับซ้อน
ตอนนี้ผมเอ่ยปากกับพี่ตู่ว่า ผมไม่ติดนะที่จะกางเต็นท์ตรงนี้ วิวแถวนี้ก็สวยใช้ได้ เพราะดูจากปลายนิ้วที่คนนำทางชี้ไปข้างหน้านั้น มันคือเขาอีกยอดที่เราต้องไป แต่ก็เอาเถอะเราจะหอบเหมือนหมาก็ได้ แต่ผมจะไม่เสียฟอร์มเดินไม่ถึงจุดหมายให้เสียเหลี่ยม Explorers Club เด็ดขาด ผมซัดน้ำไปอึกใหญ่ หายใจลึก ๆ แล้วลุยต่อ แต่ตอนที่ผมพูดนั้นทุกคนคงนึกว่าผมพูดเล่น เปล่าเลย ผมเอาจริง!!
ทางเดินไปหว่าวาโจ เส้นทางจะเริ่มด้วยการเดินลุยป่าโปร่ง ๆ แล้วค่อย ๆ ไล่ระดับสูงขึ้นไปเป็นเส้นทางเดินบนสันเขา ลักษณะคล้ายเขาช้างเผือก มีลงเนินบ้างขึ้นเนินบ้างสลับกันไป สุดท้ายเราใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า ๆ ก็ถึงจุดพัก
ช่วงเวลาพิเศษ
พวกเราจัดแจงกางเต็นท์กันเรียบร้อย ก็ปล่อยจอยชมแสงสีทองของพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน วันนี้อากาศโปร่งทำให้สีท้องฟ้าสวยเป็นพิเศษ นี่คือช่วงเวลาที่ผมได้กลับมาอยู่กับตัวเองอีกครั้ง ผมจ้องมองท้องฟ้าอยู่นานมากคิดอะไรไปเพลิน ๆ เราแทบไม่เห็นท้องฟ้าสีนี้ในเมืองสักเท่าไร ถ้ายังเป็นยุคที่กล้องใช้ฟิล์มอยู่ วิวตรงหน้าที่ผมเห็นนี้คงซัดลั่นชัตเตอร์กดฟิล์มไปแล้วเกือบครึ่งม้วนได้ บรรยากาศตอนนี้มันทำผมผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก การไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มันดีแบบนี้นี่เอง….
หลังจากนั้นพวกเราก็เตรียมอาหารเย็นกันตามอัตภาพตอนนี้มีอะไรก็แบ่ง ๆ กันไป อย่างน้อยวันรุ่งขึ้นกระเป๋าจะได้เบาขึ้นกว่าเดิม คืนนี้พระจันทร์หลบทำให้ท้องฟ้ามืดสนิท แอปพลิเคชันดูดาวแบบฟรีที่โหลดลงไว้ในมือถือก่อนหน้านี้ถูกเปิดขึ้นมาทำหน้าที่ของมัน ผมสนุกกับการแหงนคอดูดาวอยู่พักใหญ่ ตั้งใจขอเห็นดาวตกสักดวงสองดวงก็ถือว่าประสบความสำเร็จ ไม่นานนักดวงแรกก็มาแบบเร็ว ๆ ที่หางตา นั่งมองฟ้ามองดาวตกนับได้สีดวง ก็สี่ทุ่มพอดี สำหรับอากาศวันนี้ยอมรับว่าผมประมาทมันเกินไป อากาศหนาวทวีคูณจากลมที่พัดโชยตลอด น้ำค้างหนักหน่วงทำเต็นท์และอุปกรณ์ของพวกเราเปียกชุ่ม ในที่สุดผมก็เลือกมุดอยู่ในเต็นท์อุ่น ๆ ซุกตัวใต้ถุงนอนบนเบาะเป่าลมนิ่ม ๆ นี่มันคือโรงแรมห้าดาวบนยอดเขาชัด ๆ ผมไล่ดูรูปถ่ายของวันนี้จนเผลอหลับทำโทรศัพท์ตกใส่หน้า นี่คงได้เวลานอนแล้วสิ…
เช้าวันที่สองพวกเราบางส่วนเดินขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้น แน่นอนว่าหนึ่งในคนกลุ่มนั้นไม่มีผมแน่ ๆ ผมคือมนุษย์ผู้ที่รอดูรูปจากคนอื่นและขอให้ส่งไลน์ให้ก็พอ ช่วงเวลาเช้าของผมหมดไปกับการเก็บของกับเตรียมอาหารไปเสียส่วนใหญ่ วันนี้แดดออกสายและเต็นท์ยังคงฉ่ำไปด้วยน้ำค้าง ฉ่ำขนาดที่เราสามารถเลียน้ำบนเต็นท์ดับกระหาย หรือจับมันกรอกใส่แก้วดื่มได้อึกใหญ่เลยทีเดียว ผ้าเช็ดตัวกลายเป็นผ้าเช็ดเต็นท์โดยปฏิเสธไม่ได้ หากคืนต่อไปเราต้องอยู่กับเต็นท์เปียก ๆ นี้คงไม่ดี
เรากินข้าวเช้าและทำกาแฟดื่มกันอย่างง่าย ๆ ทุกคนเหมือนตั้งใจเก็บเต็นท์เป็นสิ่งสุดท้าย เพราะต้องการตากมันไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ วันนี้เราต้องเดินไกลกว่าเดิม และยังทางยังคงชันไม่ต่างจากเดิม ตอนนี้กล้อง DSLR ของผมมันกลายเป็นภาระไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยขนาดที่ใหญ่ และน้ำหนักที่เยอะของมันทำให้ผมรู้สึกไม่ต่างจากการแบกลูกหมามาขึ้นดอยด้วย ผมตัดสินใจผูกกระเป๋ากล้องรัดไว้กับเป้ และจะหยิบออกมาก็ต่อเมื่อเจอวิวที่สวยโดนจริง ๆ โชคดีที่โทรศัพท์มือถือของผมยังคงเหลือแบตอยู่พอสมควร มันเลยทำหน้าที่เป็นกล้องสำรองเก็บภาพกว้างได้อย่างดี
เส้นทางแห่งดอกไม้
เส้นทางไปดอยปุยหลวงเราจะเห็นวิวที่ต่างไปจากเมื่อวาน สองข้างทางที่มันไม่เหมือนกันเลย นับว่าเป็นเส้นทางที่คุ้มค่าเพราะเราได้เจอวิวที่แปลกตากันตลอดเส้นทาง แต่เหนื่อยแน่ ๆ เหมือนเดิม นี่คงเป็นข้อดีของการที่ผมไม่ได้ดูข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเส้นทางนี้มากนัก ปล่อยตัวปล่อยใจไปเจอเอาหน้างาน มันเลยกลายเป็นตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา ก็ดีเหมือนกัน
เมื่อใกล้ถึงปุยหลวงจะเป็นเส้นทางโล่ง ๆ มีดอกป่าไม้ให้เห็นตลอดเวลา และแดดก็ไม่ปราณีพวกเราทำให้วันนี้ผมดื่มน้ำไปเยอะมาก เพื่อนร่วมทางบางคนก็ถึงกับน้ำหมดขวดไปก็มี แต่โชคดีที่ปลายทางของพวกเรามีแหล่งน้ำให้เติมได้ เลยไม่ต้องประหยัดน้ำกันมากนัก สำหรับการเดินป่า ถ้าตรงไหนมีแหล่งน้ำนั่นคือสวรรค์แท้ ๆ เพราะเราอาจจะไม่ต้องแบกน้ำให้มันหนักเกินไป แต่น้ำที่ได้มาต้องกรอง ถ้าไม่กรองก็ต้องต้ม จะให้ดื่มกันเพียว ๆ ไม่แนะนำ
วันนี้เราใช้เวลาเดินกันประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง แต่เนื่องจากเราออกเดินทางกันเร็วเลยทำให้ถึงจุดพักแรมของวันนี้แบบเวลาเหลือ ๆ เรียกว่าเหลือจนออกไปเดินเล่นสำรวจพื้นที่กันต่อได้สบาย ๆ คนบางส่วนเดินขึ้นไปอีกยอดเขา ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่อยู่ในกลุ่มนั้นตามเคย ผมเลือกนั่งชิลชมทุ่งดอกไม้ข้างล่าง วิวที่ผมอยู่ก็สวยไม่ใช่เล่น ทุ่งดอกบัวตองตัดกับท้องฟ้ายามเย็นสีพาสเทลมันชวนฝัน ท้องฟ้าใกล้มืดของวันนี้มันดูอ่อนโยนกว่าเมื่อวาน มันเหมือนฉากในนิยายสักเรื่อง ลานกางเต็นท์ของพวกเราวันนี้กว้างขวางและโล่งสบายตา แต่ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบหรอก วันนี้เมฆหนาเกินไปที่จะมองเห็นดาว ส่วนที่พอจะมองเห็นน่าจะเป็นดาวที่แสงสว่างสุดบนฟ้านั่นแหละ ซึ่งมีอยู่หรอมแหรมแทบจะนับดวงได้
พระอาทิตย์ยังไม่ลับขอบฟ้าดี เต็นท์พวกเราก็ชุ่มไปด้วยน้ำค้าง ท่าทางคืนนี้จะหนาวกว่าเมื่อคืน แต่ผม พี่ตู่ และเต้ก็ยังนั่งดันทุรังคุยกันไปจนเลยเถิดถึงสามทุ่มกว่า ดูจากสถานการณ์ท้องฟ้าคืนนี้แล้ว ผมไม่แน่ใจเลยว่าฟ้าที่แลบอยู่ตรงหลังเขา และมวลเมฆก้อนใหญ่มันจะลอยมาสร้างความครื้นเครงบรรเลงเพลงฝนให้พวกเราหรือเปล่า แต่เอาเถอะฝนจะตกก็ได้แต่ขออย่าลมแรงก็แล้วกัน และก่อนที่มันจะตกให้เลอะเทอะ ผมขอชิงเข้าไปซุกตัวอยู่ในโรงแรมห้าดาวพกพาของผมก่อนดีกว่า
รับผิดชอบ
เส้นทางนี้เราจะเห็นควายของชาวบ้านมาเดินเล่นหากินกันอยู่เป็นระยะ ๆ แล้วมันก็กินเก่งเสียด้วย หากเราพักกินขนมก็ต้องดูขยะแปลกปลอมของพวกเราให้ดี อย่าให้มีซอง หรือขวดอะไรต่าง ๆ ทิ้งไว้กลางทางเด็ดขาด เพราะมันจะเผลอกินเข้าไปแน่ ๆ แล้วพวกมันก็เคยกินไปแล้วด้วย ในที่สุดมันก็จะป่วยและพาจเดือดร้อนชาวบ้านเจ้าของควายอีก ยิ่งพวกเศษแก้วนี่แล้วใหญ่หากเราทิ้งเอาไว้มันก็เหยียบสร้างการบาดเจ็บให้พวกมันได้อีก ทางที่ดีสุดถ้าเราเอาขึ้นมาได้ขยะทุกชิ้นก็ควรเก็บลงไปก็ไม่น่าใช่เรื่องยาก จะได้ไม่ต้องเดือนร้อนชาวบ้านเขาต้องมาตามเก็บกันทีหลัง ยิ่งเวลาเราต้องไปทำธุระส่วนตัวไม่ว่าหนักหรือเบา ก็ควรฝังกลบให้ดีหากไม่ลึกพอเจ้าพวกนี้จมูกดี เดี๋ยวจะขุดคุ้ยกันขึ้นมาไม่น่ามองอีก สุดท้ายแล้วเรานักท่องเที่ยวต้องช่วยกันดูแลรักษาความสะอาด และรับผิดชอบ คือดีที่สุด
เหนื่อยกายแต่ฮีลใจ
สำหรับผมการเดินป่าเดินดอยมันเหนื่อยเอาเรื่อง และคิดว่าไม่มีที่ไหนที่ไม่เหนื่อย แล้วเราต้องพาตัวเองมาทำไมกันเมื่อมันต้องเหนื่อยขนาดนี้ อันนี้ผมตอบได้ “มันเยียวยาครับ” ธรรมชาติมันคือยาดีสำหรับหัวใจมนุษย์ ถ้าต้นพลูด่างเล็ก ๆ หน้าจอคอมบนโต๊ะทำงานคุณมันยังทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย และสดชื่นได้ คิดดูสิ ถ้าการเอาตัวเองมาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติใหญ่ ๆ แบบนี้มันจะรู้สึกดีแค่ไหน ถึงจะเหนื่อยแต่มันก็ฮีลไม่น้อยนะครับ……
อุปกรณ์เดินป่า
หากต้องการอุปกรณ์เดินป่าน้ำหนักเบาคุณภาพดี สามารถเข้าไปได้ที่ FACEBOOK : Sea To Summit TH และถ้าหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อไปได้ที่ ROX THAILAND Flagship store สาขาพระราม 3 โทร.096-324-3905
ติดต่อท่องเที่ยว
สามารถติดต่อท่องเที่ยว ดอยหว่าวาโจ – ปุยหลวงได้ที่ การท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านห้วยฮี้ (ดอยปุย) ประธานท่องเที่ยว โทร.094-076-1279, 082-021-3323 ผู้นำชุมชน โทร.086-439-2472, 086-432-7255
**หมายเหตุ: เนื่องจากหมู่บ้านอยู่ในพื้นที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ และไฟฟ้า หากต้องการติดต่อท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวอาจต้องทำการโทรศัพท์บ่อยครั้ง ต้องขออภัยในความไม่สะดวก
EXPLORERS: เต้, ตู่, บาส
AUTHOR: บาส-บดินทร์ บำบัดนรภัย
PHOTOGRAPHERS: บาส-บดินทร์ บำบัดนรภัย, เต้-ดำรง ลี้ไวโรจน์,
GRAPHIC DESIGNER: ตั้ม-ธีรภัทร์ อินทจักร