ชวนเที่ยวชุมชนมุสลิม สัมผัสวิถีชีวิต 10 หมู่บ้าน ในตำบล เกาะกลาง กระบี่ เพื่อหาคำตอบว่า “ไปกระบี่ทำไมตั้ง 6 วัน มีอะไรน่าเที่ยวในช่วงโลว์ซีซันแบบนี้”
นั่นเป็นคำถามที่ใครก็คงอยากรู้ ว่าการไปเที่ยวเกือบหนึ่งสัปดาห์นั้น จะมีความพิเศษใดระหว่างการไปท่องเที่ยว เพราะหลายคนอาจบอกว่า ช่วงฤดูฝนแบบนี้ ไม่มีใครเขาไปกัน เที่ยวอะไรก็ลำบาก นั่งเรือไปดำน้ำดูปะการังก็ไม่ได้ ทะเลก็ไม่สวย ฝนตก พายุเข้า และอีกหลายเหตุผลที่ไม่เอื้อต่อการออกทริปสักเท่าไหร่
แต่สำหรับผม ผมคิดว่าหากการท่องเที่ยวต้องติดอยู่กับคำว่า High Season หรือ Low Season แล้วผู้คนในท้องถิ่นจะอยู่อย่างไร ผมจึงพยายามเชิญชวนเพื่อน ๆ คนรู้จักให้ออกมาเที่ยวทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะร้อน ฝน หนาว เมืองไทยไปเที่ยวได้ทั้งปี ไปไหนก็ได้ ลองเปิดใจ ไปแล้วจะมีความสุข บางครั้งยังอดสงสัยไม่ได้ว่า เวลาไปต่างประเทศ เราอาจต้องพบเจออะไรแย่ ๆ ยังมองข้ามไปได้ แต่สำหรับประเทศไทยช่วงโลว์ซีซันทำไมเราจะไปไม่ได้
“ถ้าการไปเที่ยวแล้วติดฝนออกไปไหนไม่ได้ สู้นอนอยู่บ้านดีกว่า” เชื่อว่าคุณก็อาจจะคิดอย่างนั้นใช่ไหมละ ทั้งนี้ผมอยากจะบอกว่า หากคุณเคยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ แล้วพบเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่นสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ ทั้งฝนตก หรือพายุเข้า จะด้วยรู้ หรือไม่ก็ตาม คุณยังสามารถใช้ชีวิต เดินเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ และช็อปปิ้งได้ จึงอยากให้ทุกคนลองเปิดใจเที่ยวหน้าฝน
ผมขออนุญาตแชร์ให้ฟัง ผมเองก็เคยไม่ชอบหน้าฝนมาก่อน ด้วยเหตุผลที่น่าจะเหมือนกับหลาย ๆ คน แต่ครั้งหนึ่งในการไปต่างประเทศ ระหว่างเดินไปซื้อรองเท้าที่ไต้หวันท่ามกลางสายฝน การได้เดินเล่นถ่ายรูปที่เป่ยโถ่ว และตันสุย ในวันฝนพรำครั้งนั้น ถือเป็นประสบการณ์ที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน แต่เชื่อไหมว่า การที่เราได้เห็นนักท่องเที่ยวไต้หวัน หรือนักท่องเที่ยวจากที่อื่น ๆ รอบตัว เขายังใช้ชีวิตท่ามกลางสายฝนได้ โดยไม่คิดว่านั่นคือปัญหา ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนทางความคิดไปเลย ผมสามารถเที่ยวหน้าฝนได้อย่างมีความสุข
ผมจึงคิดว่าที่จังหวัดกระบี่ก็คงไม่น่าจะต่างกัน แม้จะเป็นช่วงโลว์ซีซันของกระบี่ ที่หนีไม่พ้นเรื่องของฟ้าฝน และพายุ เพราะเป็นช่วงมรสุม ไม่สามารถเดินเรือไปท่องเที่ยวตามเกาะต่าง ๆ ได้ แต่ใช่ว่าเมืองท่องเที่ยวเมืองนี้จะหมดเสน่ห์ วันนี้จึงอยากชวนคุณผู้อ่านตามผมมาเที่ยวหน้าฝนที่ชุมชนมุสลิม ตำบลเกาะกลาง อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ กับบรรยากาศที่ชุ่มฉ่ำของสายฝน เคล้าด้วยรอยยิ้มจริงใจของผู้คน แล้วคุณจะรักการท่องเที่ยวฤดูฝนที่สวยงามไม่แพ้ฤดูกาลไหนเลย
หน้าฝน น่าเที่ยว
ทริปกระบี่ครั้งนี้ เพื่อนตัวดีชวนมาเที่ยวชุมชนบนเกาะลันตา ภาพฝันลอยเข้ามากับบรรยากาศชิล ๆ ริมทะเล อาหารการกินหลากหลาย สิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่หาได้ไม่ต่างจากเมือง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นช่วงโลว์ซีซันของทะเลฝั่งอันดามัน แต่ผมก็รับปากเขาไป โดยไม่สนว่าฟ้าฝนจะเป็นอย่างไร เรียกว่าถ้าใจมันอยากไปเที่ยว อยากออกไปใช้ชีวิตในแบบที่ไม่เคยเห็น หนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ก็ขอให้เป็นเรื่องของอนาคต ถึงอย่างไรก็ไปอยู่ดี
เพราะข้อดีของการท่องเที่ยวหน้าฝน คืออากาศเย็นสบาย สัมผัสวิวป่าเขาเขียวขจีแสนสดชื่น พร้อมความสุขที่ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติแปลกตา เวลาที่เรามีความสุขกับสิ่งรอบตัวแบบนี้ แน่นอนว่าเราจะสดชื่น สบายใจ รู้สึกดีกับตัวเอง เพราะร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนชนิดหนึ่งออกมา นั่นคือฮอร์โมนเซโรโทนิน (Serotonin) ฮอร์โมนนี้จะช่วยให้เรามีสุขภาพจิตดี มีสมาธิ ที่สำคัญทำให้เป็นคนที่มีอารมณ์ดี
เที่ยวชุมชนมุสลิม
มรสุมเข้าเที่ยวเกาะไม่ได้ เที่ยวทะเลไม่สวย ไปเที่ยวชุมชนมุสลิมเสียเลยก็แล้วกัน เพื่อนบอกห้วน ๆ เชื่อว่าหลายคนก็คงคิดไปไกลว่า ต้องข้ามไปเกาะลันตาจริง ๆ แต่ความจริงคือพวกเราอยู่ในพื้นที่การดูแลของอำเภอเกาะลันตา ในส่วนพื้นที่ที่ยังไม่ต้องข้ามเรือแพขนานยนต์ไปยังเกาะลันตาน้อย เราอยู่แค่ตำบลเกาะกลาง ซึ่งมีพื้นที่เชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ ก็บอกแล้วว่า การมาครั้งนี้ คือการท่องเที่ยวชุมชน เที่ยวชมธรรมชาติ เที่ยวชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชน เป็นการเปิดประสบการณ์การใช้ชีวิตท่องเที่ยวแบบวิถีชุมชนจริง ๆ
ชุมชนตำบลเกาะกลาง ตามประวัติเล่าว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่อพยพมาจากอำเภอละงู จังหวัดสตูล ที่สืบเชื้อสายมาจากมาลายู ฉะนั้นวัฒนธรรมการกิน และการใช้ชีวิตจึงมีส่วนคล้ายคลึงกับพี่น้องชาวมุสลิม 3 จังหวัดชายแดนใต้อยู่บ้าง รวมถึงวัฒนธรรมความบันเทิงอย่าง การแสดงรองเง็ง เพลงตันหยง ลิเกป่า ฯลฯ
ที่นี่นับเป็นชุมชนมุสลิมที่มีความเก่าแก่อายุร่วม 121 ปี อาชีพส่วนใหญ่ของชาวบ้าน คือการทำเกษตรสวนยาง สวนปาล์มน้ำมัน และประมงพื้นบ้าน โดยภายในตำบลเกาะกลางมีถึง 10 หมู่บ้านด้วยกัน แต่ละหมู่บ้านจะมีความหลากหลายในวิถีชีวิต บางหมู่บ้านจะเน้นทำประมงอย่างเดียว บางหมู่บ้านเน้นทำสวน ทำการเกษตร และปศุสัตว์
อาหารการกิน
ในแต่ละวันอาหารเช้าของผมไม่ซ้ำกันสักวัน แต่ที่ซ้ำกันแน่ ๆ ก็คือ กาแฟ เพราะผมต้องดื่มการแฟทุกมื้อเช้าเสมออย่างน้อย 2-3 แก้ว สำหรับที่นี่มีกาแฟเด่น ๆ อย่าง โกปี๊ ซึ่งขายแก้วละ 3 บาท กินคู่กับข้าวต้มใบมะพร้าว (ข้าวเหนียวที่ห่อด้วยใบมะพร้าว แล้วนำไปต้มกับกะทิสด) มีรสชาติมัน ๆ เค็ม ๆ กินคู่กับกาแฟแสนอร่อย บางมื้อเรากินข้าวต้มไก่แบบบ้าน ๆ ราคา 10 บาท แต่ที่ชอบคือ ข้าวยำ เมนูสุขภาพ ราคา 20 บาท ซึ่งเชื่อไหมว่า แต่ละมื้อที่กินกันราว 3 – 4 คน มีราคาค่าอาหารเพียง 150 – 200 บาท ถือว่าถูกมาก ๆ แถมยังอร่อยด้วย
ร้านค้าและร้านอาหารในหมู่บ้านที่ตำบลเกาะกลาง ดูแล้วเป็นบ้านพักธรรมดาไม่มีอะไรโดดเด่น บ่งบอกชัดเจนว่าเป็นร้านอาหาร แต่ถ้าเห็นมีหม้อแกงตั้งอยู่หน้าบ้านละก็ ลองถามดูว่า ขายอะไร มีอะไรกินบ้าง เพราะถ้าไม่ถามคุณก็จะหาร้านไม่เจอ และอาจจะต้องแบกท้องหิวต่อไป พวกเราขับรถลัดเลาะไปตามเส้นทางเข้าออกหมู่บ้านทั้ง 10 หมู่ นี้ ตลอดเวลา 6 วัน เราได้กินอาหารตามร้านในหมู่บ้านแบบเมามันมาก เรียกว่าราคาถูกและดีมีจริงครับ
พักจิตพักใจ
พอลองขับรถเที่ยวในหมู่บ้านแล้ว ทำให้เราได้พบกับสถานที่ลับ ๆ หลายแห่งอย่าง “คลองลัดลิกี” คลองนี้มีตำนานเล่าว่า เป็นทางโจรสลัดในสมัยก่อน และเป็นเส้นทางหลบมรสุม วิวสองข้างทางของคลองลัดลิกีร่มครึ้มไปด้วยป่าโกงกาง บางช่วงเป็นคลองกว้าง บางช่วงแคบ มีอุโมงค์ต้นไม้สวยงามมาก
หรือใครที่ชอบพายเรือชมธรรมชาติ สามารถเช่าเรือคายัคพายไปชมภาพเขียนโบราณสามพันปีที่เขาร่าปูเล บ้านร่าปู นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่ต้องไป จะพายไปชมถ้ำเพชรที่อยู่ไม่ไกลกันก็ได้ ซึ่งถ้ำเพชรนี้เหมาะมากกับการมานั่งดื่มกาแฟ หรือปิกนิกรับประทานมื้อเที่ยงแบบเบา ๆ
ส่วนใครที่ชอบเดินป่าศึกษาธรรมชาติ สามารถเดินไปชมวิวทะเล 360 องศาที่ควนแร้ง ควนค้อได้ บอกเลยว่า ถ้าใครมีโอกาสไปเดิน คุณจะเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มแรก ๆ ที่มีส่วนช่วยให้การท่องเที่ยวชุมชนที่นี่ยั่งยืน เพราะทุกบาททุกสตางค์เป็นรายได้ให้กับชาวบ้าน
อีกจุดหนึ่งที่จะพลาดไม่ได้คือการพายเรือคายัคไปนอนกางเต็นท์บนเกาะร้างกลางทะเลที่หมู่บ้านอ่าวทองหลาง อันนี้บอกเลยว่า ว้าว! มาก ถือว่าเปิดประสบการณ์เลยทีเดียว คราวหน้าไม่พลาดแน่นอน
พักกาย
เราพักกันที่ บ้านสวนคุณทิน มีฟาร์มแพะอยู่ด้านหลังที่พัก พร้อมวิวสวนปาล์ม ถ้ามาพักที่นี่แนะนำให้สั่งแกงมัสมั่นแพะรสเด็ด มารับประทาน ว่ากันว่าเป็นที่หนึ่งในลันตาเลยก็ว่าได้ ส่วนราคาที่พักตกคืนละ 500 – 650 บาท เท่านั้น เหมาะมากสำหรับคนที่พักผ่อนหลาย ๆ วันอย่างพวกเรา อาหารที่ว่าถูกแล้ว ที่พักก็ถูกไม่แพ้กัน
มาพักที่นี่แล้วแนะนำให้ลองขี่รถเที่ยว ไม่ไกลจากที่พักมีตลาดสดตอนเย็น มีร้านสะดวกซื้อ และมีร้านชากาแฟ ในชุมชนชาวมุสลิมแบบนี้ไม่มีแหล่งบันเทิงยามเย็นให้ท่องเที่ยวนะครับ ไม่น่าเชื่อจากคนที่เคยนอนหลับเกือบเที่ยงคืน มาเที่ยวที่นี่ ผมรู้สึกกินอิ่ม นอนหลับสบาย พอสองทุ่มตาก็เริ่มปรือแล้ว เชื่อผมเถอะต้องลองมาใช้ชีวิตดูครับ
ของฝาก
ขาดไม่ได้ครับ ต้องมีติดไม้ติดมือมาฝากคนทางบ้าน ของฝากที่ขึ้นชื่อของที่นี่ อาทิ กาแฟโบราณ ผ้าฝ้ายทอทุ่งทะเล แต่ที่ชอบที่สุดคือเครื่องจักสานจากเตยปาหนัน ของฝากจากฝีมือของพี่น้องชาวมุสลิมที่ตำบลเกาะเกลาง อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ สวย และคุณภาพดี ไม่ซื้อกลับไปฝากถือว่าพลาด ถ้าคุณผู้อ่านสังเกตเห็น ผมจะต้องเขียนถึงเกาะกลาง ขึ้นต้นด้วยคำว่า “ตำบล” ทุกครั้ง เพราะว่าถ้าไม่มีตำบล คุณผู้อ่านจะไปผิดที่ เพราะอีกที่หนึ่งเขาอยู่ในเมือง ฝากแจ้งไว้ตรงนี้เลยนะครับ
ที่ตำบลเกาะกลาง อำเภอเกาะลันตา ตอนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวที่สนใจอยากลองใช้ชีวิตแบบคนท้องถิ่น ที่นี่มีถึง 10 หมู่บ้านให้นักท่องเที่ยวได้เลือกสัมผัส และใช้ชีวิตหลากหลายแบบ ไม่ชอบลำบากก็สามารถนอนรีสอร์ตเล็ก ๆ ในชุมชนได้ ราคาไม่แพง ใครสายลุยก็สามารถกางเต็นท์นอนได้ทุกที่ แต่ถ้าจะให้ดีแนะนำว่าควรแจ้งผู้นำชุมชนก่อน เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก ส่วนอาหารก็เพียบพร้อมทั้งอาหารทะเล และอาหารพื้นบ้าน ถ้าใครสนใจอยากมาใช้ชีวิตที่นี่ สามารถติดต่อองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะกลาง ติดต่อการท่องเที่ยวชุมชน โทร. 0-7569-4720
ขอบคุณ องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะกลาง และ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะกลาง คุณศรีเภา รุจิพัชรกุล
EXPLORERS: ตู่, ต้น
AUTHOR: ตู่-ไตรรัตน์ ทรงเผ่า
REWRITER: ปุ๋ม-ภัทรภร ยอดนครจง
PHOTOGRAPHER: ต้น-ศุภกร ศรีสกุล