หลังจากที่เจ้าบ้านพาเราไปประเดิมเส้นทางห้าทะเลสาบที่ Zermatt มาแล้วก็ต่างลงความเห็นว่า เราต้องรอดและสามารถไปต่อได้กับเทรลที่ยากขึ้น นี่จึงเป็นที่มาของการไปเดินเส้น Oeschinensee circuit/loop trail ซึ่งผู้แนะนำบอกว่าหากเปรียบเทียบกับเส้นทางห้าทะเลสาบซึ่งเป็นระดับมัธยม เส้นนี้ก็คงประมาณระดับมหาวิทยาลัย ได้ยินแบบนี้เราก็ไม่ถอย เพราะยังไงก็ขนอุปกรณ์ครบครันไปจากเมืองไทยแล้ว มันต้องถึงไหนถึงกันสิ
Oeschinensee เป็นทะเลสาบตั้งอยู่ที่ความสูง 1,578 เมตร เป็นส่วนหนึ่งของ UNESCO World Heritate (Jungfrau – Aletsch -Bietschhorn) หลายคนคงเคยได้เห็นความสวยงามของ Oeschinensee ผ่านรูปถ่ายมาบ้าง เพราะน้ำสีฟ้าใสของที่นี่มีเสน่ห์เหลือเกิน
กิจกรรมยอดนิยมของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่คือ การเดินเล่นรอบทะเลสาบ หรือไม่ก็พายเรือชมความสวยงามของธรรมชาติ ส่วนเรานั้น เมื่อศึกษาเส้นทางแล้วเห็นว่า หากเดินตามทางนี้จะได้ชื่นชมทะเลสาบเกือบตลอดจนหนำใจ เราก็ต้องยอมเหนื่อยเพื่อแลกกับวิวสวยๆ กันล่ะ
เราเดินทางด้วยรถไฟมายังสถานี Kandersteg จากนั้น เดินต่อไปอีกประมาณสิบห้านาทีเพื่อขึ้นกระเช้าที่ Gondelbahn Kandersteg Oeschinensee เห็นกระเช้าคันก่อนหน้าเรามีคนเอาน้องหมาใส่สายจูงมาด้วย ในใจยังคิดว่า สงสัยจะโดนหลอกว่าเส้นทางระดับกลางถึงยาก ปรากฏว่าพอถึง Oeschinensee บ้านนั้นเดินแยกไปอีกทาง มุ่งหน้าไปที่ทะเลสาบเลย ซึ่งเป็นทางลาดยางเดินง่ายๆ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย
เราได้ศึกษาแผนที่กันให้แน่ใจว่าต้องตามป้ายสาย 8 และวนรอบจนกลับมาที่จุดตั้งต้น ระยะทางทั้งหมดประมาณ 8 กม. ช่วงแรกจะเป็นทางขึ้นเสียส่วนใหญ่ (elevation gain = 558 เมตร) ใช้เวลาราว 3 ชั่วโมงกว่าจะเดินครบรอบ ซึ่งความจริงเราไม่ได้รีบร้อนอะไรมาก เริ่มเดินกันสิบโมงเช้า ถ้าเผื่อเวลาพักและถ่ายรูปก็น่าจะจบได้ภายในบ่ายสอง
แต่ความกดดันเล็กๆ ของเราคือ กรมอุตุฯ สวิสพยากรณ์ว่า บ่ายสองเป็นต้นไปจะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ซึ่งต่อให้รองเท้าและแจ็คเก็ตกันน้ำ แถมเป้ก็มีผ้าคลุมกันน้ำ ก็ขอไม่เปียกเลยจะดีที่สุด เพราะไม่อยากขึ้นรถไฟกลับในสภาพมีแต่ข้าวของเปียกๆ เพราะฉะนั้น ยังไงก็ต้องทำเวลาให้ได้
เส้นทางนี้อยู่กลางแจ้งเสียเป็นส่วนมาก ยังดีที่พอมีร่มเงาต้นไม้ให้ได้แวะพักเหนื่อยบ้าง ความที่รู้ว่ากว่าจะถึงร้านที่มีเครื่องดื่ม/อาหารขาย ต้องเดินไปสัก 2/3 ของเส้นทาง เราจึงเตรียมเสบียงไปด้วยและบังเอิญว่าเดินมาถึงจุดชมวิวตอนเที่ยงพอดี ซึ่งตรงนั้นจะมีม้านั่งด้วย แต่แดดตอนเที่ยงก็แรงพอควรเลยได้นั่งใต้ต้นไม้เพื่อกินแซนด์วิชกับสลัดที่เราซื้อมาเพื่อให้มีแรงไปต่อ
จากจุดชมวิวที่สูงที่สุด ทางจะเริ่มเป็นขาลง มีบางช่วงทางแคบและไต่ไปตามแนวหน้าผา ต้องใช้ความระมัดระว้งมากและแอบมีหวาดเสียวบ้าง (แต่ยังได้เห็นทะเลสาบและน้ำตกไปเกือบตลอด) เราเลือกเดินตามเข็มนาฬิกาซึ่งหลายๆ คนแนะนำแบบนี้ (เพราะทางช่วงแรกค่อนข้างชัน เดินขึ้นจะง่ายกว่าเดินลง) แต่ก็เจอผู้คนไม่น้อยที่เดินสวนมา บางกลุ่มก็เป็นหนุ่มสาวสายวิ่งเทรล เลยคิดว่าเค้าคงชินกับทางแบบนี้ สำหรับเราขนาดขาลงไม่ชันมาก ก็มีหลายครั้งเลยที่ลื่นเพราะทางเป็นหินโรย อาศัยว่ามี trekking pole ไม่งั้นคงได้ลงไปก้นกระแทก
ตอนแรกตั้งใจว่าจะแวะร้านระหว่างทางเพื่อดื่มอะไรเย็นๆ แล้วก็เห็นว่าเมฆฝนเริ่มตั้งเค้ามาแบบที่กรมอุตุฯ ว่าไว้จริงๆ ประกอบกับนึกขึ้นได้ว่าเครื่องดื่มเย็นเจี๊ยบของฝรั่งแทบไม่มีอยู่จริงเพราะเค้าไม่ค่อยใส่น้ำแข็งกัน จากจุดนั้น เลยอาศัยน้ำใส่น้ำแข็งในกระติกที่เตรียมมาจากบ้านเพื่อดับร้อน แล้วแทบจะจ้ำอ้าวเพื่อให้กลับไปถึงจุดเริ่มต้นก่อนฝนตก
ไหนๆ มาทะเลสาบทั้งที ตอนแรกมีคนเว้าวอนจะลงไปเล่นน้ำให้ได้ แต่พอเห็นฝนเริ่มลงเม็ดเลยเปลี่ยนเป็นขอแค่เอาเท้าไปแช่น้ำเย็นๆ ก็ยังดี ช่วง 500 เมตรสุดท้ายเลยแทบจะต้องวิ่งเพื่อไปหลบฝนตรง café ก่อนจะกลับไปขึ้นกระเช้าลงไปสถานีรถไฟ ที่น่าทึ่งจริงๆ คือความแม่นยำของแอปพลิเคชั่นพยากรณ์อากาศของสวิส ซึ่งบอกว่า อีก 20 นาทีฝนจะหยุด แล้วก็หยุด แถมฟ้าเปิดอีกครั้ง ทำให้เราได้กลับโดยสวัสดิภาพ
เป็นอีกเส้นทางที่สวยและคุ้มค่ากับความเหนื่อย เลยอยากมาแนะนำค่ะ
Tips:
– Swiss Pass ไม่ครอบคลุมค่ากระเช้าลอยฟ้าจาก Kandersteg ขึ้น Oeschinensee เนื่องจากบริหารจัดการโดยท้องถิ่น แต่จะได้ส่วนลด 50%
– ใครขยันแบกของ เตรียมอุปกรณ์ไปปิกนิกด้วยก็ได้ จะมีวิวทะเลสาบสีฟ้า พร้อม backdrop เทือกเขาหิมะปกคลุม สวยเกินบรรยายเลยล่ะ
– อย่าลืมหมวกปีกกว้างและครีมกันแดด เพราะถ้าหน้าหรือแขนไหม้ขึ้นมาจะไม่สนุก
– ถ้าอยากจบด้วยการลงเล่นน้ำก็ไม่ว่ากัน อย่าลืมเตรียมเสื้อผ้าไปเปลี่ยนด้วย
EXPLORERS: สวม, กิฟท์
AUTHOR: สวม – สุวิมล สงวนสัตย์
PHOTOGRAPHER: กิฟท์ – ชุตยาเวศ สินธุพันธุ์