สายเอาต์ดอร์อย่างเราไปสวิตเซอร์แลนด์ช่วงหน้าร้อนทั้งที มีหรือจะพลาดการเดินเทรลเพื่อชื่นชมธรรมชาติ และเนื่องจากยอดเขา Matterhorn เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของประเทศนี้ เราจึงตัดสินใจว่า เทรลแถว Zermatt ต้องเป็นหนึ่งในเส้นทางที่มาสัมผัสให้ได้ ประกอบกับเจ้าถิ่นซึ่งอยู่มาสามปีกว่านำเสนอเป็น “เทรลรับน้อง” จึงไม่มีการลังเลใดๆ
แม้กลางเดือนมิถุนายนฝนจะเริ่มทิ้งช่วงแล้ว แต่เราก็ติดตามพยากรณ์อากาศกันวันต่อวันเพราะอยากเดินสบายๆ อยากแวะถ่ายรูปในวันฟ้าใสและได้เห็นยอดเขาโดยไม่มีเมฆบดบัง (อย่าลืมว่า Matterhorn ก็มีความขี้อายและไม่ได้ปรากฎโฉมเต็มตาได้ง่ายๆ) จึงจำเป็นต้องไปวันเสาร์ตามที่กรมอุตุฯ สวิสบอกว่า “clear and sunny” อย่างเลี่ยงไม่ค่อยได้ นอกนั้นวันอื่นที่เหลือในทริปคือฟ้าปิดและมีพายุฝน (กรมอุตุฯ เขาเป๊ะมาก เชื่อถือได้จริงๆ)
การไปในวันหยุดสุดสัปดาห์ย่อมแปลว่าจะมีคนมากมายมหาศาล เราจึงยอมตื่นเช้าเป็นพิเศษเพื่อหลีกเลี่ยงคน ซึ่งคณะของเรา(ประกอบไปด้วยคนไทย 4 ชีวิต) ต่างลงมติว่า ต้องตื่นตีสี่และล้อหมุนตีห้าจากกรุง Bern – เมืองที่เป็นที่พักของเรา
ประมาณหกโมงครึ่งเราไปถึง Kandersteg เพื่อนำรถขึ้นรถไฟผ่านอุโมงค์ลอดเทือกเขา Alps ซึ่งส่วนนี้ทำให้ประหยัดเวลาไม่ต้องขับอ้อมเขา จากนั้นนำรถไปจอดที่เมือง Täsch แล้วต่อรถไฟไปยัง Zermatt (เพราะ Zermatt ให้เฉพาะรถพลังงานไฟฟ้าเข้าเท่านั้น)
จาก Zermatt ขึ้นรถรางเคเบิ้ลไป Sunnega และต่อกระเช้าไฟฟ้าไป Blauherd ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางที่เรียกว่า 5-Seenweg แปลว่า ทางเดินห้าทะเลสาบ เวลาที่เริ่มเดินจริงๆ คือประมาณเก้าโมงครึ่ง ถ้าใครกลัวแดดแรงและอยากเริ่มแต่เช้าตรู่ก็ต้องมานอนใน Zermatt หรือไม่ก็เมืองใกล้เคียงอย่าง Täsch แต่เราสารภาพเลยว่าขี้เกียจย้ายที่พักบ่อยๆ เพราะของ/อุปกรณ์เยอะ กลัวจะตกหล่นอะไรไป
เส้นทาง 5-Seenweg นั้นสิริรวมระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตรและผ่านทะเลสาบทั้งห้า ถ้าเดินครบรอบ จะเริ่มจาก Blauherd (สูง 2,571 เมตร) และจบที่ Sunnega (สูง 2,288 เมตร) ซึ่งจากจุดสิ้นสุด สามารถลงจากเขาด้วยการนั่งรถรางเคเบิ้ล ตลอดเส้นทางสามารถมองเห็นยอดเขา Matterhorn และวิวแบบพาโนรามาสุดลูกหูลูกตา
ถ้าดูจากเพจแนะนำการท่องเที่ยวต่างๆ ของ Zermatt จะเห็นว่าจัดระดับเส้นทางไว้ที่ moderate เพราะฉะนั้น ร่างกายก็ควรจะฟิตประมาณหนึ่ง ที่สำคัญ เนื่องจากเส้นทางเป็นทางลงเสียเกินครึ่ง ใครที่จะไปควรพิจารณาด้วยว่าสภาพเข่าตัวเองไหวไหม
วันที่เราไปลมฟ้าอากาศเป็นใจขนาดที่ว่าไม่มีเมฆสักก้อน น้องๆ เจ้าถิ่นสองคนจึงอยากให้ทำเวลาหน่อยเพื่อที่เราจะได้ไปถึงทะเลสาบแรก (Stellisee) ในจังหวะเหมาะๆ เพราะการได้รูปที่มีเงาสะท้อนของยอดเขา Matterhorn ในทะเลสาบก็ไม่ใช่ง่ายอีก ต้องเป็นช่วงที่น้ำนิ่งและไม่มีลมเท่านั้น
ก่อนสิบโมงนิดๆ เราไปถึงทะเลสาบแรก ซึ่งเป็นจังหวะในฝันเลย คือได้เห็น Matterhorn สวยตระหง่านพร้อมเงาสะท้อนในน้ำอย่างกับรูปในโปสการ์ด แถมผู้คนก็ยังบางตา มีเวลาให้ดริปกาแฟเล่น ชิลๆ อีก จึงได้ใช้เวลาถ่ายรูปเล่นอยู่ตรงนี้พอสมควร จากที่ว่าเส้นทางนี้ใช้เวลาไม่เกินสามชั่วโมงก็คิดว่ายังไงก็เกินถ้ารวมพักเหนื่อยและถ่ายรูปด้วย
แอบสารภาพอีกว่า จริงๆ มีแรงบันดาลใจ(หรือจะเรียกว่าแรงกดดันก็ไม่รู้) ให้เราเร่งสปีดหลังจากจุดพักที่ทะเลสาบแรกคือ เบอร์เกอร์ของร้าน Chez Vrony ซึ่งเราจองโต๊ะไว้ตอนเที่ยงตรง ร้านนี้ตั้งอยู่บนเขาในจุดที่วิว Matterhorn ปังมาก เป็นร้านใน Michelin Guide 2022 แถมเพิ่งเปิดทำการเป็นวันแรกของซีซั่นนี้ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนจะเยอะแค่ไหน เราเลยไม่ได้ตั้งใจแวะทะเลสาบที่สองและที่สาม ออกจะเป็นแนวตั้งใจเดิน(ไปกิน)มากกว่า แต่ถ้าใครชอบดอกไม้และอยากอ้อยอิ่งไปเรื่อย ในช่วงหน้าร้อนก็ยังมีให้เห็นประปรายตลอดทางหลากหลายสายพันธุ์ เหมือนสมุนไพรบนแพคเกจลูกอม Ricola ไม่มีผิด
เดิมทีเราตั้งใจไว้ว่า หลังจากอาหารกลางวัน จะเดินให้ครบรอบผ่านทะเลสาบที่สี่และห้า จากนั้นลงด้วยรถรางเคเบิ้ลที่ Sunnega แต่ทุกคนอิ่มมากจากเบอร์เกอร์จุกๆ พอเห็นว่าทางช่วงหลังต้องเริ่มจากขึ้นเขาก่อน เลยลงมติว่างั้นยอมทิ้งตั๋วขากลับและเปลี่ยนแผนเดินลงไป Zermatt เลยดีกว่า เพราะถึงเห็นทะเลสาบไม่ครบ แต่จุดที่สวยที่สุดก็พีคมากแล้วล่ะ
จาก Chez Vrony ลงเขา เส้นทางเริ่มมีร่มไม้ปกคลุม (ก่อนหน้านั้นเราอยู่กลางแจ้งที่ความสูงเหนือระดับยอดไม้) ในที่สุดแล้วก็เห็นพ้องต้องกันว่า ตัดสินใจถูกที่เลือกเส้นทางนี้ เนื่องจากแดดช่วงบ่ายแรงจัดจะทำให้อ่อนเพลีย แล้วถ้าน้ำหมดกลางทางคงจะไม่สนุกเป็นแน่
เราลงมาถึง Zermatt ประมาณสี่โมงเย็น ซึ่งช่วงเวลานี้ในหน้าร้อนแดดยังเปรี้ยงอยู่ เลยได้เดินเล่มชมบ้านเมืองใน Zermatt และช้อปเสื้อผ้าเอาต์ดอร์เล็กน้อยพอหอมปากหอมคอ
เป็น day trip ที่ยาวนานแต่ประทับใจมาก วิวสวยงามตลอดเส้นทาง อากาศดี ได้พบปะผู้คนท้องถิ่นและเข้าใจว่าทำไมความรักธรรมชาติถึงแทบจะอยู่ในสายเลือดของคนสวิส เขามากันเป็นครอบครัวทุกเพศทุกวัย ลูกเล็กเด็กแดงก็จับใส่เป้บนหลังพ่อหลังแม่(ส่วนมากหลับคอพับไม่รู้เรื่องอะไร) และแม้น้องหมาก็ยังพามาเดิน
TIPS:
- เส้น 5-Seenweg ไม่ได้ลำบากมาก แต่ควรเตรียมรองเท้าไปให้ดี อย่างน้อยต้องเป็นรองเท้าสำหรับ hiking และ trekking pole ก็ช่วยได้มาก เตรียมน้ำไปให้พร้อมเพราะไม่มีร้านขายระหว่างทาง ถ้าเป็นกระเป๋าน้ำแบบใส่ในเป้ได้จะดีมาก
- อย่าหลงคิดว่าคนสูงอายุหรือเด็กเดินได้เราก็เดินได้ เพราะคนสวิสโตมากับเทือกเขานะ อย่าลืม! ระดับความฟิตควรอยู่ที่ปานกลาง
- เดินชมธรรมชาติด้วยความเคารพสถานที่ ไม่ทิ้งขยะกลางทาง ไม่เก็บดอกไม้ หรือเด็ดใบไม้ใบหญ้า.
- คนไทยอาจไม่คุ้นกับอากาศบางที่ความสูงเกินสองพันเมตร ค่อยๆ ให้ร่างกายปรับตัว อย่ารีบร้อนทำอะไร
EXPLORERS: หวานเจี๊ยบ, ต้น, สวม, กิฟท์
AUTHOR: สวม-สุวิมล สงวนสัตย์
PHOTOGRAPHER: พันโท พูลศักดิ์ พรประเสริฐ