สองพี่ใหญ่แห่งบ้านและสวน Explorers Club อย่าง บก.เจ-เจรมัย พิทักษ์วงศ์ และ ตู่-ไตรรัตน์ ทรงเผ่า หาทำในสิ่งที่พ่อบ้านใจกล้ายังไม่กล้า ด้วยการชวนศรีภรรยาอันเป็นที่รักไปเดินเล่น รับพลังบนสันเขาที่ ‘สันหนอกวัว’ จังหวัดกาญจนบุรี
ก่อนเตรียมตัวออกเดินทาง ก็มีเรื่องให้สองพี่ใหญ่ต้องคอยลุ้น ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการที่ภรรยาทั้งสองเดินไม่ไหว หรือความไม่สะดวกสบายในการเข้าห้องน้ำ ถ้าพวกเธอไม่ติด การเดินทางของสองพ่อบ้านก็ได้ไปต่อแบบวินวิน แต่ถ้าไม่ชอบละก็ บอกเลยการเดินทางครั้งต่อไปจบ! จบในที่นี้ คือไม่สนับสนุนอุปกรณ์การดำรงชีพ ห้ามร้องขอ เพราะฉันไม่จอยด้วย แต่ให้ไปนะถ้ามีปัญญา
ทำไมต้องสันหนอกวัว
จริง ๆ คิดเยอะมาก ต้องคัดเส้นทางที่ดูทรงแล้วต้องไม่ร้อน หรือเดินกลางแดด เพราะว่าความร้อนกับแดดนี่เป็นเรื่องใหญ่ของเหล่าบรรดาเมีย ๆ มีเสียงจาก ฝ้าย-กุลยา พิทักษ์วงศ์ ภรรยาเจบอกมาว่า ถ้าจะให้ไปก็อยากนอนบนสันเขาสูงๆ หามาแล้วกัน ส่วน อ้อ – วารุณี ทรงเผ่า ภรรยาผมขานั้นขอเห็นวิว เห็นเมฆ หมอกสวย ๆ พอ เพราะเธอชอบถ่ายภาพ
จะไปเขาช้างเผือกก็ออกจะดูร้อนไปหน่อย เขากำแพงก็คิดว่าวิวคงไม่ถูกใจภรรยา สุดท้ายมาจบกันที่สันหนอกวัว ดูแล้ว แดดร่ม ลมเย็นดี อีกอย่างผมกับเจยังไม่เคยมาด้วย เลยเป็นสิ่งเร้าที่ทำให้เราอยากเดินเส้นทางนี้เหมือนกัน เดินทางไม่ไกลมาก และก็ไม่ใกล้เกินไปจนรู้สึกเหมือนไม่ได้เดินทางไปไหน 300 กิโลเมตรโดยประมาณจากกรุงเทพฯ 4-5 ชั่วโมงคือเวลาที่เดินทางโดยรถยนต์ ถือว่าเหมาะสมไม่เหนื่อยล้าเกินไป ที่สำคัญ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม นั้นมีบ้านพักที่สะอาด โอ่อ่า สมราคา ตั้งอยู่ในพื้นที่จุดชมวิวป้อมปี่ ซึ่งเป็นจุดลงทะเบียนและเตรียมข้าวปลาอาหารสำหรับนักเดินป่า เป็นที่พบกันระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้นำทางและลูกหาบ และเป็นจุดขึ้นรถเพื่อไปส่งยังจุดเริ่มเดิน ฉะนั้นการได้พักที่นี่จึงเป็นสิ่งเชื่อว่าเมียจะชอบ ดูแล้วไม่ลำบาก อ่อยไว้ก่อนเดี๋ยวรู้เรื่อง
เมื่อเดินทางมาถึงที่พักที่จุดชมวิวป้อมปี่ ได้มีโอกาสพบกับหัวหน้าสินชัย หอมจันทร์ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านทิศตะวันตก พูดคุยกันถึงเส้นทางความยากง่าย มีเสียงจากอ้อถามหัวหน้าว่า “ที่เขาช้างเผือก กับ สันหนอกวัว นี่อันไหนยากกว่ากันคะ” หัวหน้าอมยิ้มแบบมีเลศนัยแล้วตอบว่า “ไปลองเดินดูครับ”
ผมกับเจก็เงียบเพราะเราไม่รู้ว่ายากง่ายนี่วัดกันตรงไหน อีกอย่างยากง่ายของแต่ละคนไม่เท่ากัน ที่สุดแล้วก็ลองค้นหาข้อมูลดูกันตรงนั้นเลยว่า ‘สันหนอกวัว’ เป็นดอยสูงที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี และเป็นเส้นทางเดินที่ขึ้นชื่อว่ายากที่สุดเส้นทางหนึ่งอีกด้วย ทีนี้ก็ว้าวุ่นกันเลยครับ
ผมกับเจแอบสบตากันนิดหน่อย ส่วนพี่ฝ้ายและพี่อ้อนั้นไม่ต้องห่วง ทำการบ้าน ดูรีวิวทุกวันจนรู้ว่า มีเนินอะไรบ้าง เดินยากหรือง่ายอย่างไร จะมีก็แต่เราเนี่ยแหละที่ไม่รู้อะไรเลยโดยเฉพาะผม เมื่อทำอะไรไม่ได้แล้วต้องปล่อยให้มันเป็นไป เต็มที่ก็ให้รถที่มาส่งตรงจุดเริ่มเดินรอสักพัก ถ้าไม่ไหวก็เดินกลับมาขึ้นรถแล้วไปนอนรอที่ป้อมปี่ ตอนนั้นก็ได้แต่ภาวนาขอเจ้าป่าเจ้าเขาดลบันดาลให้มีอากาศดี เดินสบาย ไม่ร้อนไปจนถึงยอดเขาเลยด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ
ขออีกนิดแล้วกัน ก่อนเดินป่าในทุก ๆ สถานที่ที่ไปกับสิ่งที่ต้องคำนึงถึงและพึงปฏิบัติ
7 ข้อ ข้อควรปฏิบัติ ก่อนการเดินป่า
1. วางแผนก่อนเดินทาง ศึกษาเส้นทางเดินภูมิประเทศเป็นอย่างไรเพื่อการเตรียมความพร้อมของร่างกาย
2. ไม่เดินออกนอกเส้นทาง ควรสังเกตดูป้ายบอกทางเป็นระยะ เมื่อไม่แน่ใจให้หยุดรอเพื่อนร่วมทาง
3. ขี้ต้องขุด หยุดทิ้งขยะ นำขยะทุกชิ้นที่ติดตัวเราไปออกจากป่าทุกครั้ง ประกอบอาหารแค่พอรับประทาน ของเสียจากร่างกายขุดหลุมฝังกลบให้เรียบร้อย
4. มีสิทธิ์แค่มอง แต่ครอบครองไม่ได้ พรรณไม้ดอกไม้ในป่า อย่าเอามาเป็นของตัว เก็บมาได้แค่เพียงภาพถ่าย
5. ห้ามจุดไฟในป่า เพื่อลดการเกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม ให้ใช้ไฟสนามแทนการก่อกองไฟ
6. ห้ามเข้าใกล้สัตว์ป่า ต้องระมัดระวังสัตว์มีพิษที่พบเห็นได้ง่ายระหว่างทางเดิน หากพบสัตว์ใหญ่ให้ถอยออกมาในระยะปลอดภัย วิธีเช็กว่าปลอดภัยให้เหยียดแขนระดับอกชูนิ้วหัวแม่มือระดับสายตา หลับตาข้างหนึ่งลงแล้วเล็งไปที่สัตว์ชนิดนั้นหากนิ้วหัวแม่มือบังสัตว์นั้นมิดแสดงว่าเราอยู่ในระยะที่ปลอดภัย
7. ให้เกียรติเพื่อร่วมทาง เอาใจเขามาใส่ใจเรา ให้ทางกับคนเดินเร็วแซงขึ้นไปก่อน ไม่ส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น ทั้งกลางวันและกลางคืน
“ความเงียบเป็นของสาธารณะ ใครจะมาทำลายของสาธารณะไม่ได้”
จุดเริ่มเดิน
จากจุดชมวิวป้อมปี่นั่งรถที่ทางเจ้าหน้าที่จัดไว้ให้ ไปทางสถานีรายงานกาญจนบุรี (เขาเรดาร์) ประมาณ 10 นาที ก็จะถึงจุดเริ่มเดินสันหนอกวัว บรรดาเมียๆ ยังยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ในใจเราก็แอบหวั่นๆ เหมือนกัน ว่าจะเดินขึ้นไหวไหม ด้วยทั้งสองไม่เคยเดินป่าแบบนี้มาก่อน แบกเป้เบาๆ และใช้เทรกกิ้งโพลล์
จากที่ตั้งใจจะให้รถที่มาส่งรอสักพักเผื่อว่าเมียเดินขึ้นไม่ไหวยังจะกลับลงมาขึ้นรถกลับไปนอนที่ป้อมปี่ได้ ปรากฏว่า พอรถมาถึงจุดเริ่มเดิน พวกเราลงรถเสร็จปุ๊บ คือรถออกตัวไปเลยจ้าไม่รอ “อ้าว รถเขาไม่รอก่อนเหรอ” อ้อถามขณะกำลังจะก้าวแรกเข้าป่า
ผมเงียบ นั่นคือคำตอบ
นับว่าเป็นเรื่องที่น่าดีใจสำหรับเราเพราะว่าวันนั้นอากาศดี แดดอ่อนๆ ไม่ร้อนตามคำภาวนา คนเดินป่าจะกลัวก็เรื่องแดดร้อนนี่แหละ ถ้าอากาศไม่ร้อนมีลมอ่อนๆ พัดมาปะทะผิวกาย เดินยังไงก็สดชื่น เจกับผมขึ้นเป้ ฝ้าย อ้อพร้อมเดินรออยู่แล้ว
เส้นทางเดิน
ทางเดินชัดเจนมากไม่ต้องกลัวหลง เพราะที่นี้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นลงกันทุกวัน มีป้ายบอกชัดเจน การเดินขึ้นสันหนอกวันนั้นจะต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางด้วยทุกครั้ง ส่วนลูกหาบนั้นเราจะใช้บริการหรือไม่ก็ได้ วิวตลอดทางเดินสองข้างทางส่วนมากเป็นป่าเบญพรรณไม่ทึบมาก โปร่งเหมือนเดินป่าในที่ร่ม เลยทำให้ไม่รู้สึกเหนื่อยล้า
พวกเราออกเดินเป็นชุดแรกของวันนี้ จึงเดินแบบสบายๆ ไม่มีใครมากดดัน สาวๆ ของพวกเราก็สนุกกับการเดินถ่ายรูปเล่น อ้อก็จะเอามือสัมผัสทักทายต้นไม้ใหญ่ตลอดทาง ส่วนฝ้ายกับเจก็ถ่ายรูปเล่นราวกับว่าหวนคืนสู่ช่วงเวลาแห่งหนุ่มสาวอีกครั้ง
เราทั้งสี่แวะกันพักกันเกือบทุกสถานี เพื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นสถานีป่าเบญจพรรณ ป่าไผ่ แต่พอถึงสถานีเตรียมใจ ฝ้ายและอ้อเริ่มมองหน้ากันแล้วถามน้องพัดซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่มาคอยดูแลพวกเรา “ต้องถึงขนาดเตรียมใจเลยเหรอคะน้องพัด”
“ก็นิดนึงค่ะพี่ เตรียมใจไว้ก่อน พอเห็นของจริงพี่จะได้ทำใจได้” พัดตอบพร้อมขยับตัวเดินตามอ้อต่อไป
ที่สถานีเตรียมใจนี้ต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนจะเดินขึ้นเนินเขาที่สูงชันกว่านี้ และเนินนี้ขึ้นชื่อที่สุดในเนินทั้งหมดของการเดินขึ้นสันหนอกวัว นั่นคือ “เนินหมาถอย” ชื่อก็บอกอยู่แล้วขนาดหมายังถอย ไม่เดินขึ้นก็ได้ ก่อนที่ผมจะมาเดินสันหนอกวัว ผมได้มีโอกาสไปเดินป่าที่แม่ฮ่องสอน ระยะทาง 101 กม. มาก่อน บังเอิญได้เห็นหมาเดินป่าขึ้นดอยไปกับพวกเรา พอถึงทางเนินหมาบางตัวจะออกนอกเส้นทางเพื่อจะเดินแซงหน้าด้วยรำคาญมนุษย์ที่เดินช้าไปยังยอดดอยก่อน คือสู้ไม่ถอย จึงเข้าใจเลยว่าหมาที่เดินขึ้นดอยสูงแบบไม่ถอยเป็นยังไง
เราทั้งสี่ผ่านเนินหมาถอยไปแบบไม่ถอยเหมือนหมา ฝ้าย และอ้อดูภูมิใจมากที่ผ่านมาได้ ผมกับเจก็ลุ้นว่าจะถอดใจไหม จะชอบไหมนะ ผ่านจากเนินหมาถอยมาได้ เราแวะรับประทานอาหารกลางวันกันตรงสถานีดึกดำบรรพ์ ซึ่งก็เที่ยงพอดี อีก 2.5 กิโลเมตร ก็จะถึงที่พักแคมปิ้งคืนนี้แล้ว แต่ช้าก่อน! เพราะสถานีต่อไปรอวัดใจสาวๆ อยู่
สถานีเนินปราบเซียน สาวๆ ยังยิ้มได้ครับ แต่พอพ้นเนินปราบเซียนมาได้สักครู่ อ้อมีอาการเตือนของตะคริว จึงต้องหยุดพักนวดขากันก่อน เพราะถ้าฝืนเดินต่อแล้วเป็นตะคริวขึ้นมาจริงๆ มันจะเจ็บและทรมาน เดินต่อไม่ได้ และจะไม่สนุกเลย พักนวดขาสักครู่ แล้วเดินต่อแบบค่อยๆ เดินจะช่วยได้มาก พออ้อหายจากอาการปวดตึงก็เดินต่อ แล้วก็มาพบคู่พระนาง เจกับฝ้าย นั่งรอเราอยู่ก่อนแล้ว และอดไม่ได้ที่จะต้องจัดให้สักหนึ่งภาพก่อนเดินต่อ
สันหนอกวัว
ในที่สุดพวกเราทั้งสี่ก็เดินทางมาถึงสันหนอกวัว ยอดเขาสูงที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี มีความสูงจากระดับทะเล 1,767 เมตร ลูกหาบของเรามาถึงก่อนหน้านานมาก พร้อมทั้งเตรียมพื้นที่กางเต็นท์ให้เราไว้เสร็จสรรพ ตอนถึงลานกางเต็นท์เป็นเวลาบ่ายโมงกว่า ๆ ฟ้าใส มีเมฆบางส่วน ลมเย็นพัดมาเป็นระยะ เมื่อกางเต็นท์เสร็จก็ออกสำรวจพื้นที่ ถ่ายรูปเล่นตามประสาวัยรุ่นสองคู่ชูชื่น ซึ่งบอกเลยว่างดงามตระการตามาก คุ้มค่าต่อการเดินทาง ค่ำคืนนั้นท้องฟ้ามืด ดวงดาวเต็มฟ้า จากที่อากาศเย็นสบายในตอนใกล้ค่ำ ตอนดึกลดลงมาถึง 11 องศาแล้ว เราตัดสินใจพักผ่อน เพื่อพรุ่งนี้ต้องเดินลง
ก่อนจบทริป
จากคำให้การของภรรยาที่ไม่เคยเดินป่า แต่ต้องโดนสามีหลอกมาเดินยอดเขาที่สูงและเดินยากที่สุดลูกหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี
“เส้นทางก็โอเคนะ เดินไม่ยาก จะมีก็เนินหมาถอยนิดหน่อยก็ถือว่ายังไหว อากาศไม่ร้อน ร่มรื่น ระยะทางไม่ไกลมาก สิ่งสำคัญที่จะทำให้เดินต่อ หรือไม่อยากเดิน คืออากาศร้อน แต่ตอนนี้ขอไปรักษาขารักษาตัวที่ระบมจากการเดินก่อนนะ”
บางครั้งการดูรีวิวก็มีข้อดีที่ทำให้นักท่องเที่ยวได้เตรียมตัว เตรียมใจว่าจะพบกับอะไรในอนาคต และเราจะได้ยินเสียงจากสองสาวนี้เมื่อพบเจอเนินหรือสิ่งที่ได้เรียนรู้จากรีวิวที่คนอื่นทำไว้ “นี่ไงเนินหมาถอย” หรือ “นั่นไงเนินเตรียมใจ” ดูแล้วมันมีความสุขนะครับ เหมือนเขาได้มาเจอสิ่งที่อยู่ในจอแล้ว ได้เดินมาเห็นจริงๆ มันเป็นความภาคภูมิใจที่ไม่คาดคิดว่าจะผ่านมาได้ เราต่างภูมิใจในภรรยาของเรา ทริปนี้ถือว่าเราพ่อบ้านใจกล้า ทำได้ดี ได้ไปต่อ แต่จะไปที่ไหนคอยติดตามนะครับ
ค่าใช้จ่าย
บ้านพักในจุดชมวิวป้อมปี่ ราคาคืนละ 900 บาท
ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 1000 บาท
ค่าลูกหาบคนละ 1400 บาท ไม่เกิน 30 กิโลกรัม
ค่ารถรับส่งจุดเริ่มเดินกลุ่มละ 1000 บาท
ค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาท
ขอบคุณ
อภิสิทธิ สมบัติมาศ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม
สินชัย หอมจันทร์ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านทิศตะวันตก
และ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม
EXPLORERS: เจ ฝ้าย ตู่ อ้อ
AUTHOR: ตู่ – ไตรรัตน์ ทรงเผ่า