เที่ยว ไถหนาน รอบเดียวไม่(เคย)พอ บ้านและสวน Explorers Club จึงขอกลับมายังอดีตเมืองหลวงและจังหวัดเก่าแก่ที่สุดของไต้หวันอีกครา เพื่อตามเก็บสถานที่น่าสนใจซึ่งเราพลาดไปในครั้งก่อนให้ครบ
หากถามว่าอะไรคือเสน่ห์ที่เราประทับใจในตัวเมืองชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะไต้หวันแห่งนี้มากที่สุด ด้านสถาปัตยกรรมและผังเมืองคงเป็นหนึ่งในคำตอบนั้น ทว่าความสวยงามของธรรมชาติเองก็ใช่ย่อย ยิ่งด้านวัฒนธรรมภาพจำของไถหนานยิ่งเด่นชัด เพราะด้วยรากฐานดั้งเดิมของไถหนานเคยเป็นเมืองอาณานิคมของดัตช์ และถูกปกครองโดยญี่ปุ่นมาก่อน
ทริปนี้เราจึงอยากพาชาว Explorer ไปสำรวจ ไถหนาน ในสถานที่ที่เป็นหลักฐานบ่งชี้ความรุ่งเรืองในอดีต ในฐานะเมืองที่เปี่ยมด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อายุกว่า 400 ปีที่เคยเป็นเมืองหลวงที่กินเวลายาวนานกว่า 225 ปี (ระหว่างปี 1662-1887)

อันผิง เขตเมืองเก่า เล็กแต่มากเรื่องราว
ระหว่างหาข้อมูลเกี่ยวกับไถหนาน ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าด้วยเนื้อที่เพียง 11 ตารางกิโลเมตรของเขตอันผิง (Anping District) หรือ ‘ต้าหยวน’ ที่เป็นต้นทางของชื่อ ‘ไต้หวัน’ อย่างที่เราเรียกกันในวันนี้ จะอัดแน่นไปด้วยสถานที่อันหลากหลายและน่าสนใจ เรียกว่าเป็นส่วนผสมอันกลมกล่อมทั้งในด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม สถาปัตยกรรม และธรรมชาติ ก็ไม่ผิดนัก


ณ ดินแดนชายขอบทะเลแห่งนี้ หากมีเวลาช่วงยามเย็น เราสามารถนั่งชมพระอาทิตย์ตกในเวอร์ชันต่าง ๆ ได้สวยที่สุดได้จากหลากหลายมุมเมือง ไม่ว่าจะเป็นบริเวณริมชายหาด Yuguang Island และ Sunset Platform ซึ่งเป็นเวอร์ชันพระอาทิตย์ตกทะเล
หรือบริเวณใจกลางท่าเรือในเขตเมืองอย่าง Anping Fisherman’s Wharf เวิ้งน้ำสงบนิ่งที่มีเรือหลากชนิดจอดเทียบท่าเป็นจำนวนมาก นี่คือหนึ่งในจุดถ่ายรูปห้ามพลาดของอันผิง



ส่วนสายชอบถ่ายรูปสถาปัตยกรรม ต้องห้ามพลาดหนึ่งในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของอันผิง นั่นคือ ป้อมปราการโบราณอันผิง (Anping Old Fort) ที่ตั้งอยู่ใจกลางชุมชน
กำแพงเมืองเก่าที่ชาวดัตช์สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1624 เพื่อใช้ป้องกันผู้รุกรานในอดีต แม้เวลาจะผ่านมากว่า 300 ปี แต่ก็ยังคงสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์ สวยงาม และได้รับการอนุรักษ์เอาไว้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังมีหอคอยที่เราสามารถขึ้นไปชมวิวเมืองไถหนานจากมุมสูงในมุมมองรอบทิศทางแบบ 360 องศา นักท่องเที่ยวแบบเรามีค่าเข้าชมอยู่ที่ 70 NTD ซึ่งที่นี่เปิดประตูให้ชมตั้งแต่ 08.30 – 17.30 น. ของทุกวัน






ผม ปลา และออน เราสามคนใช้เวลาช่วงสั้น ๆ ปั่นจักรยานสลับเดินเท้าท่องเที่ยวไปรอบ ๆ ในรัศมี 1 กม. แวะ Anping Old Street ถนนสายเก่าที่เป็นแหล่งซื้อขายของฝากอันคึกคัก
เดินดูวิถีผู้คนที่มาจับจ่ายขายของที่ตลาดเช้าริมถนน Pingsheng เตร็ดเตร่ไปจนถึงท่าเทียบเรือของย่านอย่าง Anping Fisherman’s Wharf ในช่วงสายก่อนขึ้นรถออกจากอันผิงไปยังเขต West Central District ที่อยู่อีกฝั่งเมือง







สองวัดแห่งความศรัทธาสำหรับสายมู
มาหนึ่งได้ถึงสอง ที่ต้องบอกแบบนั้นเพราะจุดหมายหลักของเราคือ ‘วัดเทพเจ้าหมาจู่’ (Grand Matsu Temple) หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า วัดต้าเทียนโห่ว (Datianhou Temple) ที่นี่เป็นวัดเทพเจ้าหมาจู่แห่งแรกในไต้หวัน ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ในปี 1684



เทพเจ้าหมาจู่เป็นเทพธิดาแห่งท้องทะเลที่ชาวไต้หวันนิยมมาสักการบูชาเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต แน่นอนว่าที่นี่ควรติดอยู่ในลิสต์ลำดับต้น ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวสายมูที่มาเยือนไต้หวัน และไม่ควรพลาดโดยเฉพาะเมื่อมาถึงไถหนาน ประตูเปิดตั้งแต่เช้าตรู่ 6 โมงตรงไปจนถึงค่ำราว 3 ทุ่ม

จากวัดเทพเจ้าหมาจู่ เดินมาไม่ไกลนักก็จะพบกับ ‘วัดเทพเจ้าแห่งสงคราม’ (Sacrificial Rites Martial Temple หรือ Official God of War Temple) อีกหนึ่งวัดเก่าของเมืองที่ผู้คนมักจะแวะมาสักการะเทพเจ้ากวนอู เทพเจ้าแห่งสงครามและโชคลาภเพื่อเสริมอำนาจและสร้างความเป็นสิริมงคลกับชีวิต วัดเปิดตั้งแต่ตีห้าครึ่งถึงเวลาสามทุ่ม

ทั้งสองวัดนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟไถหนาน บนถนน Yongfu ย่าน West Central District ถ้าคุณมาเที่ยวไถหนานด้วยตัวเอง แนะนำว่าการจักรยาน YouBike เที่ยวนั้น สะดวกและง่ายดายมาก ไถหนานมีสถานีเช่าจักรยาน YouBike ให้บริการถึง 499 จุดทั่วเมือง
หรือหากนับเฉพาะในย่าน West Central District นั้นมีจุดให้บริการมากถึง 36 จุด หรือหากไม่สะดวกปั่น สามารถนั่งรถบัส Tainan City สาย 2 หรือสาย 99 จากอันผิง มาลงที่ป้าย Chihkan Tower ได้เช่นเดียวกัน (อ่านต่อเที่ยวไถหนานด้วยจักรยาน YouBike ได้ที่นี่)


โรงมหรสพในคราบอดีตโรงงานผลิตน้ำตาล
จาก West Central District สถานที่สุดท้ายที่เราอยากแนะนำตั้งอยู่บนถนน Wenhua ในเขต Rende District จุดหมายของเราอยู่ที่ Ten Drum Cultural Village อาณาจักรของคนรักกลองแห่งเมืองไถหนาน
ความน่าตื่นเต้นของการมาที่นี่คือการได้เห็นกลุ่มโกดังน้อยใหญ่กว่า 22 หลัง ในอดีตสถานที่แห่งนี้คือโรงงานผลิตน้ำตาลที่ตั้งอยู่บนพื้นที่เกือบ 50 ไร่ สร้างขึ้นในยุคที่ไต้หวันถูกปกครองโดยญี่ปุ่น




จากโรงงานผลิตน้ำตาลในอดีต สู่หมู่บ้านคนตีกลองในปัจจุบัน หลังจากโรงงานปิดตัวลงอย่างถาวรในช่วงปี 2000 กลุ่มศิลปินที่ใช้ชื่อว่า Ten Drum ได้เข้ามาปรับปรุงและฟื้นฟูพื้นที่ใหม่ให้กลายเป็นครีเอทีฟสเปซในปี 2005 โดยยังคงเลือกเก็บโครงสร้างอาคารดั้งเดิมเอาไว้เกือบทั้งหมด
เราจึงได้เห็นรูปลักษณ์และเครื่องจักรดั้งเดิม เช่น เฟืองขนาดใหญ่ ถังเก็บกากน้ำตาล หรือสายพานผลิตน้ำตาลที่ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสไลเดอร์




เจ้าหน้าที่พาเราเดินสำรวจ การสร้างทางเดินจากพื้นดิน ผ่านรอบต้นไม้ใหญ่ ขึ้นไปสู่ด้านในโรงงาน จนถึงสกายวอล์กบนหลังคาที่มองกลับลงมาก็แอบเสียวเล็ก ๆ ด้วยความสูงราวกับตึก 7 ชั้น เหนือกว่ายอดอาคารพิพิธภัณฑ์ฉีเหม่ย (Chimei Museum) ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล




Ten Drum Cultural Village คือสถานที่ที่ทุกคนจะได้อิ่มเอมไปกับการแสดงของเหล่าศิลปิน ที่ตั้งใจนำเสนอเรื่องราวทางศิลปะและวัฒนธรรมการตีกลอง ตื่นตากับอาคารเก่าที่ได้รับการอนุรักษ์และฟื้นฟูกลับมาเป็น พื้นที่แห่งการเรียนรู้และพักผ่อนหย่อนใจของชาวไต้หวันและผู้มาเยือน ที่นี่เปิดให้ชมตั้งแต่เก้าโมงเช้าไปจนถึงห้าโมงเย็น



นี่คือเหตุผลของการมาไถหนานครั้งที่สอง เมืองเก่าที่ได้มาเที่ยวแค่รอบเดียวไม่พอ เพราะมีสถานที่น่าสนใจเยอะมากจริง ๆ ในตอนต่อไปเราจะพาไปเที่ยวเกาสง อีกหนึ่งเมืองน่าสนใจทางตอนใต้ของไต้หวัน อ่านจบแล้วตามเราไปเที่ยวไต้หวันตอนใต้ตามคอนเซ็ปต์ ‘Where Nature Meets Culture’ ด้วยกันครับ
EXPLORERS: เฟี้ยต, ปลา, ออน, ฟาง, เชอร์รี่, มุก, แน็ค, เบียร์
AUTHOR: เฟี้ยต-นวภัทร ดัสดุลย์
PHOTOGRAPHER: ฟาง-อภินัยน์ ทรรศโนภาส
GRAPHIC DESIGNER: ฟอฟอ-อานันตญา รุ่งลิขิตเจริญ