Type and press Enter.

สุโขทัย เสน่ห์เหนือกาลเวลา

สุโขทัย

ชมแหล่งอารยธรรม วิถีไทย และความร่วมสมัยในเมืองเก่า สุโขทัย สัมผัสเรื่องราวจากอดีตของโบราณสถานที่ยังยืนหยัดท้าทายกาลเวลามาถึงปัจจุบัน

บ้านและสวน Explorers Club ชวนมาสัมผัส ‘จิตวิญญาณของไทย’ ในพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของ อพท. กับเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่ผสมผสานมรดกทางธรรมชาติ ศิลปะ และวิถีชุมชนเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกล่อม โดยหนึ่งในเส้นทางที่เราปักหมุดหมายเอาไว้ที่จังหวัด สุโขทัย เมืองมรดกโลกที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์เหนือกาลเวลา เป็นปลายทางที่เที่ยวได้สนุก มีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่มีอยู่มากมาย ทั้งโบราณสถาน วิถีชีวิตแบบดั้งเดิม งานศิลปะท้องถิ่น ชิมอาหารพื้นเมือง ที่ไม่ว่าจะมาคนเดียว มากับเพื่อน หรือมากันเป็นครอบครัว ก็เที่ยวสนุกได้ทุกรูปแบบ

งานฝีมือที่บอกเล่าเรื่องราวชุมชน

ทริปนี้เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้ามืด มุ่งหน้ามายัง ‘ชุมชนท่าชัย’ ชุมชนเล็ก ๆ ในอำเภอศรีสัชนาลัยที่เลื่องลือในกระบวนการทอผ้ายกดอกแบบดั้งเดิม ซึ่งในปัจจุบันกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอชาววังที่ชุมชนท่าชัย-ศรีสัชนาลัย ยังได้พัฒนาให้ผืนผ้ามีอัตลักษณ์ยิ่งขึ้น โดยหยิบเอาสิ่งรอบตัวที่คุ้นเคยในชุมชน มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างลวดลายที่หาได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น

พี่พิม พิมพ์ประไพ จันทวงศ์ เป็นตัวแทนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอชาววัง เข้ามาต้อนรับพวกเราก่อนจะพาไปชมกรรมวิธีทอผ้าดั้งเดิมที่ผ่านการพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จนออกมาเป็น ‘ผ้าทอลายยกดอก 9 ลวดลาย’

สุโขทัย

พี่พิมเล่าเรื่องให้ฟัง พลางชี้ชวนให้ชมลวดลายทั้ง 9 ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากสิ่งต่าง ๆ ในชุมชน เช่น สะพานพระปรางค์ ปลาแม่น้ำยม ต้นอ้อย คลื่นน้ำ หรือสะพานหยก เป็นต้น ลวดลายเหล่านั้นถูกนำมาประยุกต์เป็นลวดลายของตัวซิ่นและตีนซิ่น เพื่อเพิ่มความงดงามให้กับภูมิปัญญาการถักทอผืนผ้าของชุมชนได้อย่างร่วมสมัย มากไปกว่านั้นยังได้บันทึกลวดลายดังกล่าว ลงบนเครื่องใช้เครื่องประดับอื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า หมวก หรือต่างหู ซึ่งเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้และซื้อติดไม้ติดมือเป็นของฝาก ที่นอกจากใช้งานได้ดีแล้วยังบอกเล่าเรื่องราวของชุมชนได้อีกทางหนึ่งด้วย

นอกจากนี้ ที่ชุมชนท่าชัย-ศรีสัชนาลัยยังเป็นดินแดนแห่งเครื่องเงิน-ทองโบราณ ที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยช่างฝีมือในท้องถิ่น โดยนำเอาลวดลายจากผนังวัดนางพญา มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างลวดลายบนเครื่องประดับ

ที่ร้านอรอนงค์ช่างทอง พวกเรามีโอกาสได้พูดคุยกับช่างฝีมือขณะกำลังง่วนกับการขึ้นรูปทองตามกรรมวิธีดั้งเดิมอย่างประณีต ก่อนจะออกมาพบกับพี่มนตรี เจ้าของร้านมนตรีเครื่องเงิน ที่ได้นำเอาเครื่องเงินที่เพิ่งทำเสร็จออกมาให้พวกเราชื่นชมอย่างเป็นกันเอง แถมยังเปิดโอกาสให้ทดลองลงยาแหวนเงินได้หากต้องการ

การมาเยือนชุมชนท่าชัย จึงนับเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยาก สำหรับการได้เห็นกระบวนการ กรรมวิธีต่าง ๆ ที่อยู่เบื้องหลังงานหัตถกรรมอันแสนประณีตจากความตั้งใจของช่างฝีมือ ซึ่งเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ชมและสัมผัสอย่างใกล้ชิด

นั่งรถรางชมอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย

ถัดมาจากชุมชนท่าชัยไม่ไกล พวกเรามาถึงเขตพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ที่ตามประวัติศาสตร์ว่ากันว่าพื้นที่แห่งนี้เปรียบเสมือนเมืองฝาแฝดของสุโขทัย มีบทบาทในฐานะเมืองลูกหลวงของอาณาจักร ซึ่งในปัจจุบัน ยังหลงเหลือสถาปัตยกรรมอันมีเอกลักษณ์เฉพาะ ที่ยังสมบูรณ์มากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง

สุโขทัย

การเยี่ยมชมพื้นที่อันกว้างใหญ่ของอุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้ด้วยการนั่งรถรางดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เราเคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ ผ่านโบราณสถานสำคัญ อย่างวัดช้างล้อม สังเกตเห็นเจดีย์ประธานทรงกลมแบบลังกา ที่มีช้างปูนปั้นล้อมรอบอยู่ถึง 39 เชือก ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของอุทยานฯ ถัดมาเป็นวัดเจดีย์เจ็ดแถว ที่นี่จะมีเจดีย์ประธานทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ รายล้อมด้วยเจดีย์บริวารอีกจำนวนมาก รวมถึงวัดนางพญา โดดเด่นด้วยวิหารที่ผนังด้านนอกมีลวดลายปูนปั้นอันประณีตงดงาม ซึ่งเป็นศิลปะที่ได้รับอิทธิพลมาจากงานศิลปกรรมจีน ซึ่งลวดลายปูนปั้นนี้เองที่เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์เครื่องเงิน-ทองโบราณของชาวชุมชน

อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยแห่งนี้ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและกำแพงเพชร มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 ในฐานะแหล่งรวบรวมหลักฐานสำคัญที่แสดงถึงการพัฒนาทางสถาปัตยกรรม ศิลปะ และการปกครองของอาณาจักรสุโขทัย ที่ยังคงไว้ซึ่งความสมบูรณ์และงดงาม แม้จะเดินทางข้ามกาลเวลามานานนับร้อยปีก็ตาม

สไลว์ไลฟ์ของแท้ที่ บ้านนาต้นจั่น

เพื่อที่จะได้ชมพระอาทิตย์ตอนเช้า พวกเราตัดสินใจเดินทางมาค้างคืนกันที่ ‘ชุมชนบ้านนาต้นจั่น’ เนื่องจากการขึ้นไปชมวิวที่จุดชมวิวห้วยต้นไฮนั้น ใช้เวลาเดินทางเกือบสองชั่วโมงจากตัวชุมชน

สุโขทัย

ตีสี่ของวันรุ่งขึ้นพวกเรางัวเงียขึ้นมาเพื่อเตรียมเดินทาง ที่ริมถนนมีรถปิกอัพของนักสื่อความหมายท้องถิ่นที่จอดรออยู่แล้ว และพาเรามุ่งหน้าไปยังห้วยต้นไฮตั้งแต่ท้องฟ้ามืดสนิท นั่งรถมาเพียงอึดใจ ก็ถึงเวลาที่พวกเราต้องเดินป่าขึ้นไปกันต่ออีกราว 1 กิโลเมตรที่ใช้เวลานานมาก แต่ก็คุ้มค่า ข้างบนจุดชมวิว ถูกพัฒนาไปแล้วในระดับหนึ่ง นักสื่อความหมายท้องถิ่นจัดแจงตัดกระบอกไม้ไผ่เป็นแก้วเพื่อใช้เสิร์ฟกาแฟให้พวกเราจิบ พลางชมวิวภูเขา ทะเลหมอก เป็นการเฝ้ารอพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดของทริปนี้เลย

สุโขทัย

ที่ชุมชนบ้านนาต้นจั่น เป็นหนึ่งในชุมชนที่มีการรวมกลุ่มกันจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนกลุ่มโฮมสเตย์บ้านนาต้นจั่นที่เข้มแข็ง รายได้จากการดำเนินกิจการของสมาชิก ไม่ว่าจะเป็นที่พัก โฮมสเตย์ ไกด์นำเที่ยว หรือกิจกรรมต่าง ๆ ของที่นี่ จะถูกแบ่งออกมาบางส่วนเป็นเงินกองกลางสำหรับใช้พัฒนาชุมชนในด้านต่าง ๆ ซึ่งเป็นโมเดลที่ริเริ่มมานานนับสิบปี ใช้หล่อเลี้ยงวิสาหกิจชุมชนมาจวบจนปัจจุบัน

หลังจากพักผ่อนจากกิจกรรมเมื่อเช้ามืด นักสื่อความหมายท้องถิ่นคนใหม่มารอเราอยู่หน้าที่พัก แต่ครั้งนี้ต่างออกไปคือยานพาหนะที่รออยู่นั้นคือ ‘รถอีแต๊ก’ ที่ดัดแปลงมาจากเครื่องมือทางการเกษตร ต่อพ่วงที่นั่งแบบรถสองแถว ตลอดทั้งวัน รถอีแต๊กที่ว่านี้พาพวกเราเคลื่อนตัวไปช้า ๆ แวะพักตามจุดต่าง ๆ ของชุมชน เช่น จุดชมวิว ‘สะพานรวมใจ’ มุมสวยของชุมชน ที่ชาวบ้านร่วมมือกันสร้างขึ้นเมื่อหลายปีก่อน เป็นสะพานไม้ลัดเลาะไปในทุ่งนา และกลายเป็นจุดพักที่นักท่องเที่ยวมักจะแวะมาเยี่ยมชม ดื่มด่ำกับบรรยากาศกันเป็นเวลานาน

ระหว่างทางพวกเราได้แวะไปเรียนรู้การทอผ้าดั้งเดิมของชุมชน และวิธีการทำผ้าหมักโคลน กรรมวิธีดั้งเดิมที่่ช่วยให้ผ้าที่เพิ่งทอเสร็จ มีความนุ่ม ซึ่งเกิดขึ้นจากการสังเกตเห็นชายผ้าถุงของย่ายายที่ใส่ทำนาและแช่อยู่ในโคลนซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน ก็มักจะมีความนุ่มกว่าส่วนอื่น ๆ จึงนำมาพัฒนาจนกลายเป็นภูมิปัญญาพื้นถิ่น ก่อนจะต่อยอดเป็นสินค้า ‘ผ้าหมักโคลน’ ของบ้านนาต้นจั่นที่มีอัตลักษณ์ไม่เหมือนที่ใด

สถานที่ถัดมา พวกเราแวะที่บ้านตาวงษ์ ทำความรู้จักกับ ‘ตุ๊กตาบาร์โหน’ ภูมิปัญญาท้องถิ่นอีกอย่างหนึ่งที่ตาวงษ์ (ผู้ล่วงลับ) ชาวบ้านนาต้นจั่น ได้ประดิษฐ์ไม้แกะสลักขึ้นมาเป็นเครื่องเล่นกีฬากายกรรมที่ไม่ได้ใช้เพื่อความเพลิดเพลินเพียงอย่างเดียว แต่ตุ๊กตาบาร์โหนยังเป็นอุปกรณ์ที่ใช้บริหารกล้ามเนื้อมือและแขนแบบง่าย ๆ พกพาไปเล่นได้ทุกโอกาส ซึ่งในปัจจุบัน ลูกชายของตาวงษ์ยังคงสานต่อภูมิปัญญาท้องถิ่นชนิดนี้ให้คงอยู่ต่อไป

นอกจากกิจกรรมที่น่าสนใจแล้ว เรื่องอาหารการกินของที่นี่ก็ยังโดดเด่น ให้ทุกคนสามารถมาฝากท้องได้แบบไม่ต้องออกไปหาซื้อนอกชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ข้าวเปิ๊บ’ เมนูรับแขกที่ใครมาบ้านนาต้นจั่น ต้องลองชิม

ข้าวเปิ๊บคือเมนูทานง่ายที่ชาวบ้านสืบทอดกันมานานตั้งแต่สมัยที่ละแวกชุมชนยังหาซื้อเส้นก๋วยเตี๋ยวได้ยาก ชาวบ้านจึงประยุกต์เอาข้าวสารข้าวจ้าวมาผ่านกระบวนการทำแป้งหมัก นึ่งเป็นแผ่น และทับซ้อนกันไปมาคล้ายข้าวเกรียบปากหม้อ (คำว่า เปิ๊บ มาจากคำว่า พับ ทบ ในภาษาถิ่น) ใช้แทนเส้นก๋วยเตี๋ยว และหยิบผักริมรั้วอย่างตำลึงมาเพิ่มวิตามิน เสริมโปรตีนจากหมูและไข่ เข้ากันดีกับน้ำซุปกระดูกหมูรสหอมหวาน เป็นมื้ออาหารปิดท้าย ก่อนจะบอกลาชุมชนอันแสนน่ารักแห่งนี้ในที่สุด

แวะตัวเมือง สุโขทัย ตักบาตรวัดตระพังทอง ก่อนกลับ

เสร็จจากชุมชนบ้านนาต้นจั่นช่วงเย็น พวกเรายังไม่ตีรถเข้ากรุงเทพฯ ในทันที แต่ตัดสินใจแวะค้างคืนใกล้ ๆ ตัวเมืองสุโขทัยกันก่อน เพราะตั้งใจจะไปตักบาตรสะพานบุญที่วัดตระพังทองในตอนเช้า

ที่วัดตระพังทอง มีบรรยากาศของการเป็นโบราณสถานเก่าแก่ตั้งอยู่กลางสระน้ำ จึงทำให้ภูมิทัศน์ในบริเวณนี้มีความน่าสนใจมากขึ้นและเหมาะอย่างยิ่งกับการพักผ่อนหย่อนใจ ในช่วงเย็นจะเห็นผู้คนพากันมานั่งรับประทานอาหารริมสระน้ำแสนสงบแห่งนี้

ส่วนในช่วงเช้าตรงสะพานไม้ที่เชื่อมต่อถนนกับวัด จะเป็นที่ที่พุทธศาสนิกชนนั่งเรียงแถวรอใส่บาตรทำบุญ ซึ่งจะมีพระสงฆ์ออกมารับบาตรจากญาติโยมเป็นประจำทุก ๆ เช้าราวหกโมงเศษ ทำให้เช้าวันนั้นการได้ออกมาใส่บาตรทำบุญ สัมผัสบรรยากาศและวิถีชีวิตของเมืองสุโขทัย ก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่พวกเราได้รับจากทริปสุโขทัยในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

และหากใครกำลังมองหาปลายทางในการเปิดประสบการณ์การเที่ยวเมืองเก่าที่เนิบช้าราวกับเวลาได้หยุดเดิน แต่ยังมีกิจกรรมสนุกเอาไว้คลายเหงา พวกเราคิดว่า สุโขทัย จะเป็นคำตอบนั้นสำหรับทุกคนได้อย่างแน่นอน

ข้อมูลเพิ่มเติม

ชุมชนบ้านนาต้นจั่น: https://www.facebook.com/HomeStayBannaTonChan

ชุมชนท่าชัย-ศรีสัชนาลัย: https://www.facebook.com/SisatchanalaiThachai

วัดตระพังทอง: https://www.facebook.com/traphangthong/?locale=th_TH