มิก – อนุวัต ธนสิทธิพันธ์ จาก Stack Coffee แชมป์เอโร่เพรสคนล่าสุด เผยสูตรชงกาแฟด้วย AeroPress ให้ไปลองทำตาม ใครจะนำเคล็ด(ไม่)ลับนี้ไปซุ่มฝึกซ้อม เพื่อเตรียมแข่งขันไทยแลนด์เอโร่เพรสในก็ไม่ว่า
ว่าแต่รู้ไหม ทำไมเราถึงอยากให้คุณลองชงกาแฟด้วย AeroPress แล้วกาแฟจากเครื่อง AeroPress ที่เราแนะนำต่างจากรสชาติกาแฟดริปอย่างไร มิกมีคำตอบ
ความเหมือนที่แตกต่าง
“AeroPress ถือว่าเป็นการชงกาแฟประเภท filter อย่างหนึ่ง ต้องใช้เมล็ดตัวเดียวกับที่คั่วมาสำหรับดริปหรือฟิลเตอร์โดยเฉพาะ ซึ่งเทคนิคการชง AeroPress จะอยู่บนหลักการเดียวกับกาแฟดริป เพียงแต่กาแฟดริปจะมีการเทน้ำเป็นรอบ ๆ ให้น้ำไหลผ่านกาแฟ ส่วน AeroPress คือไหลผ่าน Versus แช่ ให้เทน้ำลงไปต่อเนื่อง น้ำกาแฟที่ขังอยู่ในเครื่อง เราต้องคนมัน การสกัดคนละแบบคือสิ่งที่ต่างกันระหว่าง AeroPress กับกาแฟดริป รวมถึง Pressure หรือแรงกดด้วยมือเรา คือสิ่งที่การดริปไม่สามารถทำได้”
ค่าเริ่มต้น
“เวลาชงด้วย AeroPress ครั้งแรก แนะนำให้ใช้เมล็ดกาแฟที่เราชอบหรือคุ้นเคยก่อน เหมือนเวลาชงกาแฟดริป หรือชงด้วยวิธีการอื่น ๆ เพราะจะทำให้เราเข้าใจจุดตั้งต้นได้ง่าย เลือกใช้เมล็ดกาแฟแบบไหนก็ได้ ทั้งคั่วเข้ม คั่วกลาง หรือคั่วอ่อน”
“ต่อมา การบดละเอียดกับบดหยาบให้รสชาติต่างกันอย่างไรในการดริป AeroPress ก็หลักการเดียวกัน อุณหภูมิของน้ำที่ใช้กับ AeroPress ก็หลักการเดียวกัน อุณหภูมิที่สูงก็จะช่วยสกัดกาแฟได้มากกว่า แต่การคน หรือการกระแทก ก็มีผลกับการสกัดได้เหมือนกัน เมื่อกาแฟกับน้ำอยู่ด้วยกัน เมื่อเกิดการคนน้ำหรือว่ามีการกระแทก ก็จะมีการสกัดสารในกาแฟออกมาได้ดีกว่า ดังนั้นการชงด้วย AeroPress จะต่างจากดริปตรงนี้ หมายถึงถ้าเราไม่ได้เอาช้อนไปคนตอนดริปนะ!”
ตัวแปรสำคัญ
“กาแฟยิ่งแช่น้ำนานก็มีผลกับรสชาติ เวลาก็เป็นตัวแปรหนึ่งที่เราต้องควบคุม การชงแต่ละครั้งเวลาก็ควรใกล้เคียงกัน การสกัดกาแฟได้มากหรือน้อยความหมายคืออะไร? กาแฟจะมีทั้งสารที่ถูกสกัดออกมาได้ในอุณหภูมิต่ำ กับต้องอุณหภูมิสูงเท่านั้นถึงจะสกัดออกมา ตรงนี้เราก็ต้องทดลองว่า เวลาสกัดได้ในอุณหภูมิสูง สิ่งที่ดีหรือสิ่งที่แย่มันออกมามากกว่ากัน ต่างกับกาแฟที่แช่นาน เพราะบางสารมันอาจจะละลายออกมาช้า แต่มันไม่ต้องใช้อุณหภูมิสูงก็ได้ ดังนั้นเวลากับอุณหภูมิจึงมีผลในสารคนละตัว”
สูตรพื้นฐานของมิก
“ผมเลือกใช้กาแฟคั่วอ่อนของ Stack Coffee ที่คั่วเอง เป็นเมล็ดกาแฟเอธิโอเปีย Natural Process ลองชงด้วยวิธีง่าย ๆ Simple ที่สุด อุปกรณ์ที่ต้องมีคือไม้คน และเซิร์ฟเวอร์ ตั้งต้นเราใช้ตัวแปรเดียวกับที่เคยคริปกาแฟเลยก็ได้ ปริมาณกาแฟที่ใช้ 15-20 กรัมโดยประมาณ”
“การบด ถ้าเราค้นหาในกูเกิ้ลโดยปกติการชงด้วย AeroPress โรงคั่วส่วนใหญ่เขาจะแนะนำให้บดกาแฟละเอียดกว่าดริป แต่สำหรับผมแนะนำว่าให้ใช้เบอร์บดเดียวกัน ถ้าเราคุ้นเคยกับ setting นั้นอยู่แล้ว อุณหภูมิน้ำด้วยเช่นกัน ไม่ว่าอย่างไร ถ้าเราชงหลักจากแก้วแรก เราก็ปรับได้อยู่แล้ว เริ่มต้นชงจากตัวแปรที่เราจำได้ง่าย หรือคุ้นเคยก่อนดีกว่า ผมใช้อุณหภูมิน้ำประมาณ 90-92 องศาฯ”
“ในการชงด้วย AeroPress และไม่ว่าจะชงกินเองหรือเสิร์ฟขาย ตอนเลือกเมล็ด ผมจะคัดเมล็ดที่สมบูรณ์ที่สุดเสมอ คัดเมล็ดที่ไม่สมบูรณ์ทิ้งไป เลือกใช้กาแฟ 18 กรัม เหมือนตอนแข่ง ผมใช้เครื่องบดมือหมุน Comandante ใช้ที่ 28 คลิก เติมน้ำ 200 กรัม เป็นค่ากลาง หรือค่าตั้งต้น แล้วใช้ไม้คนไปกลับด้านหน้า-ด้านหลัง ประมาณ 5-6 ครั้ง แบบเดียวกันทุกครั้งที่ชง”
“การเทน้ำก็ไม่ได้มีวิธีการเทเป็นพิเศษอะไร เพราะการเทมีผลนิดเดียว ต่างจากดริปที่ต้องเทเป็นจังหวะใช่ไหม อย่างนั้นต้องละเอียดนิดหนึ่ง ส่วน AeroPress เทเสร็จต้องไล่อากาศ ขั้นตอนนี้ต้องมือเบามาก ๆ ต้องระวังกาแฟหกด้วย ขั้นตอนตั้งแต่เทน้ำ จนถึงกดไล่อากาศ ควรใช้เวลาประมาณ 1 – 1.30 นาที จากนั้นวางเสิร์ฟเวอร์ลงบน AeroPress แล้วพลิกกลับด้าน ไม่เอียงหรือเกาะด้านใดด้านหนึ่ง แล้วค่อย ๆ กด ทีละนิด ในขั้นตอนนี้ควรใช้เวลาประมาณ 30 วินาที (สามารถทดลองได้ว่า ถ้ากดเร็ว ๆ หรือกดช้า ๆ จะเกิดอะไรขึ้น) ผลลัพธ์ที่ได้ รสชาติจะเป็นอย่างไร…ต้องลองทำดู
หากรู้สึกว่าไม่หนำใจ ไปจดสูตรชงกาแฟให้อร่อยแบบแชมป์ AeroPress ประเทศไทย ครบทั้ง 5 คนต่อได้ที่ https://explorersclub.baanlaesuan.com/guide/thailand-aeropress-championship
THAILAND AEROPRESS CHAMPIONSHIP 2023 BY THE COFFEE CALLING
“The Coffee Calling 2023: The Escape to Coffee Party”
การแข่งขันรายการ Thailand AeroPress Championship 2023 by The Coffee Calling ซึ่งปีนี้พิเศษและแตกต่างออกไปจากปีก่อน ได้ตัวแทนจากการแข่งขันรอบภูมิภาค (Regional) ทั้ง 6 ภาค ภาคละ 6 คน รวมเป็น 36 คน ผ่านเข้ารอบมาแข่งขันในระดับประเทศ (National) ที่กรุงเทพฯ เพื่อหาผู้ชนะหนึ่งเดียวในรอบ National เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันรายการ World AeroPress Championship 2023 ร่วมกับแชมป์จากประเทศอื่น ๆ อีกกว่า 60 ประเทศ ทั่วโลก ที่กรุงเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ในวันที่ 1-3 ธันวาคม ปีนี้
งานนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 – 17 กันยายน 2566 ณ Q Stadium, ชั้น M, ศูนย์การค้า The Emquartier แต่งานนี้ไม่ได้มีแค่การแข่งขันหาแชมป์ AeroPress ประเทศไทย อย่างเดียวนะเออ บอกเลยว่ากิจกรรมปีนี้แน่นมาก! เตรียมพับกบ พบกับธีมงาน “The Coffee Calling 2023: The Escape to Coffee Party” พาทุกคนเข้าสู่โลกของกาแฟในฟีลห้างสรรพสินค้ายุค 90 แบ่งไฮไลต์ออกเป็น 4 โซน ประกอบด้วย โซน Theater, Food Court, Mini-mart และ Game Zone แต่ละโซนมีความน่าสนใจมาก ๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชมงานด้วยนะ
Theater
นี่คือเวทีใหญ่ที่ออกแบบมาเพื่อเป็นเวีทีแข่งขันกาแฟตลอดทั้ง 4 วัน เริ่มจากวันแรก พฤหัสที่ 14 กันยายน การแข่งขัน AeroPress Dice Throwdown 2023 by BrewLab การแข่งขันสกัดกาแฟจาก AeroPress ตามเงื่อนไขที่ทอยได้จาก “AeroPress Dice” ทั้ง 5 ลูก โดยมี เบน – เบญจ เขมาชีวะ จาก BREW LAB แชมป์ AEROPRESS ประเทศไทยปี 2019 และอันดับ 2 ของโลกในการแข่งขัน WORLD AEROPRESS CHAMPIONSHIP 2019 เป็นผู้ดูแลเกมนี้
วันที่สอง ศุกร์ที่ 15 กันยายน พบกับ Cupster Challenge 2023: The Smackdown by Cultivar11 การแข่งขันชิมกาแฟ แบบย่อส่วนจากการแข่งขัน Cup Taster จัดโดย ป๊อก-ฉัฐรินทร์ ธรรมชัยโรจน์ เจ้าของโรงคั่ว Cultivar11 และเจ้าของตำแหน่งแชมป์ Thailand Cup Taster Championship 2023
วันเสาร์ที่ 16 พบกับ KINTO HBC2023: Home Brewer Cup 2023 โดย KINTO Thailand การแข่งขันสกัดกาแฟโดยใช้อุปกรณ์แบรนด์ KINTO และเครื่องบดมือเพียงอย่างเดียว ผู้เข้าแข่งขันไม่สามารถใช้เครื่องชั่ง นาฬิกาจับเวลา หรือเทอร์โมมิเตอร์ เป็นการแข่งขันที่เปิดโอกาสให้ Home Brewer ท้าทายความสามารถของตัวเองอย่างแท้จริง
และวันสุดท้าย คือการแข่งขัน TAC2023: Thailand AeroPress Championship 2023 by The Coffee Calling ที่ได้ตัวแทนจากการแข่งขันรอบภูมิภาค (Regional) ทั้ง 6 ภาค ภาคละ 6 คน รวมเป็น 36 คน ผ่านเข้ารอบมาแข่งขันในระดับประเทศ (National) ที่กรุงเทพฯ เพื่อหาผู้ชนะหนึ่งเดียวในรอบ National เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันรายการ World AeroPress Championship 2023 วันที่ 1-3 ธันวาคม ปีนี้
Food Court
โซน Food Court หรือ Coffee Court เป็นโซนที่ร้านรวงต่าง ๆ มาออกบู๊ธจำหน่ายสินค้า ทั้ง กาแฟ ขนม เครื่องดื่ม ครั้งนี้ The Coffee Calling เขาได้เปิดร้าน delivery เฉพาะกิจผ่าน LINE MAN x Wongnai ตลอด 4 วัน เพื่อให้คนที่ไม่สะดวกเดินทางมาเที่ยวงาน
Mini-mart
โซน CC Mart (Convenient Coffee Store) ทีมงาน The Coffee Calling ตั้งใจออกแบบมาเพื่อนำเสนอสินค้าที่เกี่ยวกับกาแฟต่าง ๆ จัดเรียงตามหมวดหมู่ พบกับแบรนด์สินค้าชื่อดัง อาทิ Roast Runner, SAUCE COFFEE BAR, MITTY ROASTERS , Mood Drip Bag, Moccamaster Thailand, Fellow, KINTO Thailand และสินค้าอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย
ผู้ที่มาเยี่ยมเยือนสามารถหยิบสินค้าที่ต้องการใส่ตะกร้า เพื่อนำมาชำระเงินที่แคชเชียร์เหมือนกับร้านสะดวกซื้อที่เราทุกคนคุ้นเคยกันดี ในโซนนี้ยังมีเคาท์เตอร์ชงชิม โดยจะมีตัวแทนจากแบรนด์ต่าง ๆ มาชงเครื่องดื่มและสาธิตการใช้งานอุปกรณ์ที่มีจำหน่ายใน CC Mart ผลัดเปลี่ยนกันตลอดวัน
สำหรับใครที่ซื้อ Calling Mug Set (ราคา 750 บาท) ประกอบด้วย แก้ว CC Tasting Mug, สายคล้องแก้ว (สามารถเลือก ‘ป้าย acrylic คล้องแก้ว’ อย่างใดอย่างหนึ่ง) จะได้รับตั๋วเข้าร่วมกิจกรรม และ CC Mart Discount Pack ทั้งหมด 6 ดวง ซึ่งมีส่วนลดสูงสุดถึง 15% เพื่อมาใช้กับสินค้ารายการใดก็ได้ใน CC Mart ได้
Game Zone
โซนสุดท้าย Game Zone มาพร้อมกิจกรรมสนุก ๆ สำหรับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย อาทิ เกมทายกาแฟ เกมทดลองใช้งานอุปกรณ์กาแฟโดยมี mentor ตำแหน่งเชมป์ และกูรูกาแฟคอยแนะนำ รวมถึงเกมชิงรางวัลที่ไม่ต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับกาแฟก็สามารถร่วมสนุกได้
The Coffee Calling 2023: The Escape to Coffee Party จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 – 17 กันยายน 2566 ที่ Q Stadium, ชั้น M, ศูนย์การค้า The Emquartier ย้ำอีกครั้ง ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชมงานนะ!
EXPLORER: มิก-อนุวัต ธนสิทธิพันธ์
AUTHOR: นวภัทร ดัสดุลย์ (เขียน/เรียบเรียง)
PHOTOGRAPHER: ศุภกร ศรีสกุล
GRAPHIC DESIGNER: ธีรภัทร์ อินทจักร