ชวนอ่านเรื่องราวการหาตังค์เที่ยวรอบโลก และการออกเดินทาง 20 ประเทศ ในระยะเวลา 7 เดือน ด้วยเงินติดตัวหนึ่งแสนบาทของชายหนุ่มที่ฝันออกเดินทางทั่วโลกมาตั้งแต่มัธยมสอง ‘นอร์ธ – ชลันธร ภู่เจริญ’
นอร์ธ เป็นเด็กหนุ่มวัย 25 ปี ชาวอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เติบโตและใช้ชีวิตแบบเด็กต่างจังหวัดทั่ว ๆ ไป จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เขาก็ได้ย้ายตัวเองมาเรียนต่อและทำงานควบคู่กันไปด้วยที่กรุงเทพฯ และแทบไม่น่าเชื่อว่า เขาจะเป็นที่รู้จักในฐานะเจ้าของเพจชื่อ “หาตังค์เที่ยวรอบโลก”
แม้ทางบ้านจะมีฐานะปานกลางไม่ร่ำรวย ซึ่งฟังดูแล้วอาจแตกต่างจากที่สิ่งที่หลายคนคิดว่าเดินทางท่องเที่ยวรอบโลกได้แบบนี้ เขาต้องมีฐานะการเงินดีแน่นอน แต่เปล่าเลย เพราะคุณนอร์ธเป็นเพียงเด็กบ้านนอกธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ผู้มีความฝันอยากเดินทางรอบโลกมาตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
โดยเริ่มจุดประกายมาตั้งแต่สมัยที่เขายังเด็ก หลังจากที่ได้ดูรายการท่องเที่ยวรายการหนึ่งที่ชื่นชอบ ซึ่งพูดถึงการออกไปใช้ชีวิตและท่องเที่ยว ทำให้คุณนอร์ธรู้สึกว่าโลกนี้ช่างกว้างใหญ่ และมีอะไรให้ออกไปเรียนรู้มากกว่าสิ่งที่เคยเห็น เมื่อเติบโตขึ้นจึงอยากลองออกไปใช้ชีวิตตามความฝันดูบ้าง ด้วยการออกเดินทางท่องเที่ยวรอบโลกกว่า 20 ประเทศ 3 ทวีป โดยใช้เวลาเพียง 7 เดือน เท่านั้น
นอร์ธเล่าว่า รายการ สมุดโคจร ของจ๊อบ นิธิ คือแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาอยากออกเดินทางตามหาความฝัน และคิดว่าของจริงน่าจะสวยกว่าที่อยู่ในทีวี “ย้อนไปตอนนั้นช่วงที่ผมมีความฝันอยากออกเดินทาง ก็มักจะนำความฝันนี้ไปเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังทุกครั้ง คำตอบที่ได้มาคือ เขาหาว่าผมบ้า คนอย่างมึงจะทำได้หรอ และอีกหลายคำครหาที่ถาโถมเข้ามา ทุกคำครหาเก็บไว้เป็นแรงผลักดันให้เราต้องทำให้ได้”
ความคิดที่จะเดินทางรอบโลกไม่เคยหายไปไหน ความฝันนี้อยู่กับผมตลอดเวลา เพียงแต่ตอนที่เริ่มมีฝันนั้นเรายังเด็กนัก เพราะอยู่แค่ม.2 เอง” เขาเล่าพร้อมทั้งยกคาปูชิโนเย็นขึ้นดูดจากหลอด
ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยเพื่อพ่อแม่ แต่ความฝันไม่จางหาย ต้องเรียนให้จบเร็ว ๆ เพราะเราอยากทำตามความฝันของเรามากกว่า ความมุ่งมั่นแรกจึงเกิดขึ้นในระหว่างเรียน คือการทำงานพาร์ทไทม์เก็บเงิน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานในร้านร้านกาแฟ กองถ่ายภาพยนตร์ ทำงานเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมบ้าง พอเรียนจบความฝันมันชัดเจนมาก กับการตั้งเป้าหมายในการเก็บเงินใหม่ให้ได้ 250,000 บาท ภายใน 1 ปี
“ผมทำงานทุกอย่างแล้ว แล้วแต่ว่าใครจะจ้าง แต่ที่ทำอยู่ประจำคืองานเพื่อสังคมอย่าง งานจิตอาสาเพื่อ พัฒนาเด็กเยาวชนและสิ่งแวดล้อมกับกลุ่มไม้ขีดไฟ ที่จังหวัดนครราชสีมา” นอกเหนือจากงานอาสาสมัครแล้ว คุณนอร์ธยังมีรายได้บางส่วนจากการขายโปสการ์ดที่ถ่ายเองจากการเดินทางทริปย่อย ๆ ที่ผ่านมา
ในเส้นทางใกล้ ๆ เช่น ลาว เวียดนาม กัมพูชา เมียนมาร์ ฮ่องกง ขายตามถนนคนเดินในจังหวัดต่าง ๆ ที่ผ่านไป
1 ปีผ่านไปก็ยังไม่ได้ยอดเงินตามเป้าที่ตั้งไว้ เก็บเงินได้แค่ 140,000 บาท สำหรับคนเรียนจบใหม่ ๆ “กว่าจะได้มาเหนื่อยมากครับ แต่ใจผมพร้อมมากครับกับการออกท่องโลก” คุณนอร์ธเริ่มเก็บข้อมูลว่าจะไปที่ไหนบ้าง ใช้เวลาวางแผนการเดินทาง 1 เดือน รวมไปถึงการทำวีซ่า ซื้ออุปกรณ์การเดินทาง และเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว คุณนอร์ธจึงออกเดินทางตามความฝัน
จากกรุงเทพฯ นั่งรถทัวร์ไปเชียงของจังหวัดเชียงราย แล้วนั่งรถบัสข้ามไปฝั่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว แล้วนั่งรถต่อไปที่เมืองคุนหมิง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่มีขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองยากที่สุด “ผมโดนแยกสัมภาษณ์เดี่ยว ๆ อยู่คนเดียว ตลอดเส้นทางที่ไปคุนหมิง”
คุณนอร์ธเล่าว่า เขาโดนเรียกสอบอยู่คนเดียวเป็นชั่วโมง ๆ แต่ก็ผ่านมาได้ “แนะนำไว้เป็นเทคนิคนะครับ คือเราต้องมีสติ ไม่โวยวาย อธิบายถึงสิ่งที่เรากำลังจะทำ และความจริงใจที่เราตอบคำถามว่า เรามีที่พักเป็นหลักแหล่ง มีวันเวลาเข้า-ออกชัดเจน พวกตม.เขาดูออกครับว่าเราโกหกหรือไม่” จากคุนหมิง ขึ้นเหนือไปซีอานด้วยรถไฟใช้เวลาเดินทาง 24 ชั่วโมง ที่ซีอานผมได้ติดต่อโฮสเพื่อขอทำงานแลกที่พักกับอาหารฟรี ติดต่อทาง https://www.workaway.info/ ได้ไปทำฟาร์มเห็ดอยู่ 10 วัน ได้คลุกคลีอยู่กับคนจีน ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของชาวจีน
เดินทางต่อไปปักกิ่ง 18 ชั่วโมง จากซีอาน ใช้ชีวิต 4 วัน 3 คืน กับการเที่ยวรอบเมือง จากนั้นก็นั่งรถบัสไปมองโกเลียที่อูลานบาตอร์ เส้นทางนี้หารีวิวไม่ได้เลยว่า มีรถบัสไปถึงอูลานบาตอร์ได้ในราคาค่ารถบัส 1,500 บาท ลองผิดลองถูกเอาเอง มีความยากลำบากอยู่บ้างในการเดินทาง แต่ความสวยงามระหว่างสองข้างทางที่ได้เห็น ผมมองว่ามันช่างเป็นสิ่งคุ้มค่าที่ไม่ได้หาได้ง่าย ๆ
จากปักกิ่งไปยังอูลานบาตอร์ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน ที่อูลานบาตอร์ผมพักอยู่กับชาวบ้านที่มีฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โดยทำงานไปด้วยในหน้าที่เลี้ยงวัวจำนวนมากกว่า 40 ตัว! พร้อมกับเลี้ยงม้า และเลี้ยงสุนัขพันธุ์มองโกเลียตัวใหญ่ ๆ ได้เห็นวิถีชีวิตชาวมองโกเลียอย่างใกล้ชิด ที่นี่ผมทำงานหนักมาก เพราะชาวมองโกเลียเขาทำงาน 12 ชั่วโมง เพราะเขาบอกว่าชีวิตเขาเป็นแบบนี้ คุณรับได้หรือเปล่า
ที่มองโกเลียสนุกมากถือว่าเป็นการเรียนรู้ชีวิตที่ดีทีเดียว ผมได้เห็นวิถีชีวิตของชาวมองโกเลียเร่ร่อน ที่มีกระโจมเป็นบ้าน ขี่ม้าแทนมอเตอร์ไซค์ ผมใช้ชีวิตที่มองโกเลีย 2 อาทิตย์ จากนั้นนั่งรถไฟทรานส์ไซบีเรีย เดินทางต่อไปยังกรุงมอสโก โดยใช้ชีวิตบนรถไฟ 5 วัน 4 คืน
พอมาถึงมอสโกผมก็ทำงานแลกที่พักและอาหารเหมือนเดิม คราวนี้อยู่ในสวนผลไม้ออร์แกนิกราวสองอาทิตย์ ทำให้รู้ว่าคนรัสเซียในชนบทเขาไม่อาบน้ำกัน จนวันที่ผมจะต้องเดินทางต่อ เจ้าของบ้านพาผมไปซาวน่า คนที่พาผมไปบอกว่า นี่แหล่ะคือการอาบน้ำของพวกเขา
จากมอสโกลงใต้ไปจอร์เจีย ด้วยวิธีการโบกรถ 4 วัน 3 คืน กว่าจะถึงประเทศจอร์เจีย วันแรกที่ยืนโบกรถ ผมใช้เวลายืนโบกรถนานกว่า 10 ชั่วโมง กว่าจะมีคนจอดรับ ในระหว่างที่ยืนโบกรถ มือข้างหนึ่งก็เอาอาหารใส่ปากไปด้วย ในที่สุดก็มีลุงสูงวัยคนหนึ่งผ่านมารับผมไปด้วย จำชื่อเมืองที่ไปไม่ได้ ต้องขอโทษด้วยครับ พอถึงเมืองนี้ปุ๊บผมก็นำเต็นท์ที่ติดตัวมาออกกางในป่าข้างถนน หามุมที่ลับตาคนสักหน่อยเพื่อพักผ่อน ใช้วิธีนี้เดินทางโบกรถตลอดเวลา 4 วัน ส่วนวันที่ 2 ผมใช้เวลาโบกรถ 5 ชั่วโมง พอวันที่ 4 ผมโบกรถจากชายแดนรัสเซีย เพื่อข้ามแดนจุดนี้ใช้เวลาโบกรถ 2 ชั่วโมง การโบกรถเป็นอะไรที่เหนื่อยมาก
พอเข้าจอร์เจียผมใช้ชีวิตที่นี่ 10 วัน จากจอร์เจียเข้าสู่ประเทศตุรกี ยังเมืองหลวงอิสตันบูล คุณนอร์ธก็ยังใช้วิธีโบกรถเหมือนเดิม เขาใช้เวลา 3 วัน 2 คืน อยู่ที่นี่ โชคดีที่ตุรกีไม่ยากเหมือนรัสเซีย โบกรถนานที่สุดก็ 3 ชั่วโมง “ผมอยู่ตุรกีสิบกว่าวัน จากนั้นก็ลงใต้ไปยุโรป ตรงนี้ต้องใช้วีซ่าเชงเกนที่เราทำล่วงหน้ามาแล้ว นั่งเรือจากอิสเมียร์ข้ามมหาสมุทรไปกรีซใช้เวลา 9 ชั่วโมง ก็จะถึงกรุงเอเธนส์
การเดินทางในยุโรปนี้จะใช้รถบัสเป็นหลัก เข้าบัลแกเรีย โรมาเนีย ฮังการี ที่นี่ผมได้ทำโฮสเทลแลกที่พักและอาหารฟรี ก่อนไปต่อที่ออสเตรีย และเยอรมนี ที่เยอรมนีผมได้ไปพักกับพี่ ๆ คนไทยที่รู้ว่าเราจะท่องโลกแล้วมีการพูดคุยชักชวนกันตั้งแต่อยู่เมืองไทย จากเยอรมนีก็เดินทางต่อไปที่อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ และสเปน”
ผมจบทริปนี้ที่ประเทศแทนซาเนีย โดยลงไปแอฟริกาใต้ที่ซิมบับเว แซมเบีย การจบทริปนี้ไม่ได้จบเพราะความตั้งใจ แต่จบเพราะว่าอยู่ในช่วงที่โควิด-19 กำลังระบาด แล้วเจ้าหน้าที่ไม่ให้ไปต่อ เลยต้องกลับเมืองไทย
20 ประเทศ 7 เดือน กับเงินหนึ่งแสนบาทในการเดินทางและกินอยู่ ในแต่ละประเทศสอนให้ผมได้รู้ได้เห็นถึงความแตกต่างของวัฒนธรรม ภาษา และการกินอยู่ เป็นการเรียนรู้ที่มีค่ามาก เมื่อเราเห็นโลกมากขึ้น เราจะเข้าใจคนมากขึ้น สุดท้ายแล้วตัวเราเองจะไม่เป็นทุกข์ อยากให้ทุกคนเดินทางท่องเที่ยวเยอะ ๆ อย่างในเพจของผม ๆ ก็สนับสนุนให้คนไทยออกเดินทาง เพราะผมอยากให้ทุกคนได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น ถ้าถามว่าประเทศไหนที่ไปแล้วรู้สึกไม่ปลอดภัยคือ โจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งมีเรื่องราวของอาชญากรรมครบรสเลย การเดินเล่นในเมืองต้องเดินช่วงกลางวันเท่านั้น และผมก็เกือบไม่รอดที่เมืองนี้
ฝันต่อไปของผมหลังจากประเทศเปิด และมีความพร้อมเรื่องเงิน ผมจะไปอเมริกาใต้ กับออสเตรเลีย ผมก็จะสำเร็จกับการเดินทางรอบโลก
อะไรเป็นตัวจุดประกายการเป็นนักเดินทางให้กับผม โดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนที่ชอบเรียนรู้ ชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยากรู้อยากเห็น อาจเป็นเพราะว่าโลกที่ผมอยู่ในวัยเด็กมันแคบไป นี่ละครับที่จุดประกายให้กับผมอยากเริ่มออกเดินทาง หลังจากจบทริปนี้ ผมได้เรียนรู้ว่าชีวิตผมง่ายขึ้นมาก อย่างที่โจน จันได ได้กล่าวไว้ว่า “ชีวิตต้องง่าย ถ้ายากผิด”
[ EXPLORER ]
นอร์ธ
ชวนคุย : ตู่
ขอบคุณ คุณชลันธร ภู่เจริญ