ปัจจุบัน ค่าเล่าเรียนในระบบการศึกษาของไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในโรงเรียนเอกชน ในขณะที่โรงเรียนในสังกัดรัฐบาลยังคงดำเนินตามนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ ทำให้หลายคนตั้งคำถามสำคัญว่า เราจะสามารถหาโรงเรียนเอกชนที่มีหลักสูตรคุณภาพสูง ที่ส่งเสริมทั้งความรู้และการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียน โดยไม่ต้องแบกรับค่าเทอมที่สูงลิ่วได้หรือไม่ และถ้าได้ จะหาได้จากที่ใด
การศึกษาไม่ควรเป็นเพียงเรื่องของการเรียนวิชาการในห้องเรียนเท่านั้น แต่ควรเป็นพื้นที่ที่เด็กๆ ได้รับการพัฒนาอย่างรอบด้าน ทั้งด้านความรู้ ทักษะชีวิต และคุณค่าทางจิตใจ ซึ่งโรงเรียนที่มีคุณสมบัติดังกล่าวมักเป็นโรงเรียนที่มีค่าใช้จ่ายสูง จึงกลายเป็นข้อจำกัดสำคัญสำหรับครอบครัวรายได้น้อย
แต่คุณเชื่อไหมว่า… มีโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งที่สามารถพัฒนาทั้ง “ความรู้” และ “ความเป็นคน” โดยไม่ต้องจ่ายค่าเทอมเป็นเงิน แต่ต้องทำความดีจ่ายเป็นค่าเล่าเรียนทั้งนักเรียนและผู้ปกครอง
ผมพบเจอโรงเรียนนี้เมื่อครั้งมาเดินเที่ยวงาน Sustainability Expo 2024 จัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ส่วนโรงเรียนเปิดการเรียนการสอนอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ เพียงแค่เดินผ่านแล้วพบข้อความที่ว่า “จ่ายค่าเทอมด้วยการทำความดีกับปลูกต้นไม้” ลูกปลูก 400ต้น พ่อแม่ปลูกอีก 400ต้น ทำความดี 400ชั่วโมง พ่อแม่ 400ชั่วโมง เพียงเท่านี้บุตรหลานของเราก็สามารถเข้าเรียนได้แล้ว จนนำไปสู่การพูดคุยกับผู้ก่อตั้งโรงเรียนอย่างอาจารย์มีชัย วีระไวทยะ ถึงแนวคิดและแรงบันดาลใจในการก่อตั้งโรงเรียนมีชัยพัฒนา
จุดเริ่มต้นของโรงเรียนมีชัยพัฒนา
การเดินทางของโรงเรียนมีชัยพัฒนาเริ่มต้นจากความตั้งใจของ อาจารย์มีชัย วีระไวทยะ ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาให้ก้าวข้ามการเรียนในห้องเรียนแบบเดิมๆ และสร้างสิ่งที่ตอบสนองทั้งชีวิตและอาชีพในอนาคตของนักเรียน พร้อมกับเชื่อมโยงการพัฒนาชุมชนเข้ากับการศึกษา
“แรงบันดาลใจที่สำคัญคือ เราต้องการพิสูจน์ว่าโรงเรียนสามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีคุณค่า ไม่ใช่แค่สำหรับนักเรียน แต่สำหรับคนในชุมชนทั้งหมด” อาจารย์กล่าว
แนวคิดที่แตกต่าง
โรงเรียนมีชัยพัฒนามีแนวคิดที่แตกต่างจากโรงเรียนทั่วไป คือการผสมผสานการศึกษาวิชาการเข้ากับการสอนทักษะชีวิตและทักษะอาชีพ โดยเน้นให้นักเรียนมีคุณธรรม รู้จักแบ่งปัน และพร้อมที่จะเป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคม (Change Maker)
“เราอยากให้เด็กเรียนรู้ชีวิตจริง เช่น การทดลองนั่งรถเข็นหนึ่งวันต่อเดือน เพื่อให้เข้าใจความลำบากของคนอื่น ไม่ใช่เพียงเพื่อสงสาร แต่เพื่อสร้างความเข้าใจที่แท้จริง”
ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม
โรงเรียนไม่เพียงแต่สอนให้เด็กเรียนรู้ในเชิงทฤษฎี แต่ยังมุ่งเน้นการลงมือทำ เช่น การจัดทำแปลงผัก ฟาร์มธุรกิจ และการเรียนรู้ด้านการประกอบอาชีพ นักเรียนสามารถสร้างรายได้ในระหว่างเรียน พร้อมกับพัฒนาทักษะที่ช่วยให้พวกเขากลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ
“เราได้ขยายแนวคิดไปยังโรงเรียนอื่นๆ กว่า 240 แห่ง โดยได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน เพื่อสร้างฟาร์มธุรกิจและโครงการพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืน”
เป้าหมายต่อไปวัดและเรือนจำ กับการเชื่อมโยงเพื่อพัฒนาชุมชน
แนวคิดของอาจารย์มีชัยยังครอบคลุมถึงการใช้ทรัพยากรในชุมชน เช่น วัดและเรือนจำเป็นศูนย์กลางในการสร้างการเปลี่ยนแปลง ผู้สูงอายุที่ไม่มีที่พัก สามารถอาศัยในวัด ปลูกผัก และมีรายได้เสริม ขณะที่ผู้ต้องขังในเรือนจำได้รับการฝึกทักษะอาชีพเพื่อให้มีโอกาสในสังคม
“เราสอนให้ทุกคนเห็นคุณค่าในตัวเอง ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในจุดใดของสังคม การเปลี่ยนแปลงสามารถเริ่มต้นได้เสมอ”
ความท้าทายและก้าวข้ามอุปสรรค
ในช่วงเริ่มต้น อาจารย์มีชัยยอมรับว่าการก่อตั้งโรงเรียนมีความท้าทาย ทั้งในแง่ของทุนทรัพย์และการยอมรับจากสังคม แต่ด้วยความเชื่อมั่นในแนวคิดและการสนับสนุนจากพันธมิตร อุปสรรคต่างๆ ก็ถูกแก้ไข
“เราทำทุกอย่างเพื่อแสดงให้เห็นว่าโรงเรียนคือประตูสู่การพัฒนาที่แท้จริงในชุมชน ไม่ใช่แค่สถานที่ให้ความรู้”
โรงเรียนมีชัยพัฒนาไม่ใช่แค่โรงเรียน แต่เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ที่สร้างคน สร้างชุมชน และสร้างสังคมที่ดีขึ้น วิสัยทัศน์ของอาจารย์มีชัยไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงชีวิตของนักเรียน แต่ยังสร้างแบบอย่างที่ทรงคุณค่าสำหรับประเทศไทยและทั่วโลก
“โรงเรียนคือรากฐานของการเปลี่ยนแปลง หากเราลงทุนกับเด็ก เราก็กำลังลงทุนกับอนาคตของเราเอง” อาจารย์มีชัยกล่าวทิ้งท้ายก่อนจบบทสนทนา
EXPLORER: อาจารย์มีชัย วีระไวทยะ
AUTHOR: ตู่-ไตรรัตน์ ทรงเผ่า
PHOTOGRAPHER: ศุภกร ศรีสกุล