เยี่ยมบ้านริมบึงและร้านอาหาร The Attic Diary Café ของ ปุ๊-อิศเรศ จันทรวดี อดีตผู้กำกับ นักผลิตรายการสารคดี และพ่อค้าขายเสื้อผ้าวินเทจ ที่หันมาเปิดร้านอาหารไทยโบราณแบบ Chef’s Table ในบ้านของตัวเอง พร้อมทำมุมกางเต็นท์ริมบึงแก้เบื่อเมื่อคิดถึงการนอนป่า
ปุ๊เล่าว่าชีวิตที่เว้นจากนั้นคือการเข้าป่า ไปกางเต็นท์ และนอนฟังเสียงธรรมชาติ ดังนั้นมุมหนึ่งในบ้านโครงเหล็กสไตล์โรงนาฝรั่งหลังนี้ของเขา จึงมีมุมกางเต็นท์ที่ให้บรรยากาศเหมือนไปแคมปิ้งตั้งอยู่ริมบึง และมีคายัคไว้พายเล่นเป็นกิจกรรมเอาต์ดอร์ยามว่าง
“ผมเลิกขายเสื้อผ้าและมาทำอาหารได้ 6 ปีแล้ว ตอนนี้เปิดร้านอยู่ 4 วัน คือวันพฤหัสถึงอาทิตย์ ที่เหลือก็จะเข้าป่าตลอด” ปุ๊ บอกกับเราแบบนั้น “ดีว่าที่นี่อยู่ใกล้สวนผึ้งใกล้เมืองกาญจน์ก็เลยสบาย ผมชอบอยู่กับธรรมชาติในป่า เมื่อไรที่หมดพลัง มีปัญหา คิดไม่ออก ผมจะวางทุกอย่าง และไปหาคำตอบในป่า”
บ้านอันเป็นที่รัก
“รองลงมาก็คืออยู่ที่บ้านใหม่หลังนี้” ปุ๊เล่าต่อ “อยู่ท่ามกลางข้าวของที่เรารัก เพราะทุกชิ้นมีประวัติศาสตร์ชีวิตของเราอยู่ในนั้น ตอนจะคัดทิ้งก็ทิ้งไม่ลง กลายเป็นว่าย้ายทุกอย่างจากบ้านหลังที่แล้วมาอยู่หลังนี้ด้วยกันหมดเลย”
บ้านหลังเดิมที่ปุ๊พูดถึง ก็คือจุดเริ่มต้นของร้านขายเสื้อผ้าที่กลายเป็นร้านอาหารชื่อ The Attic Diary Café อาคารโครงเหล็กกรุกระจกโปร่งตรงชุมทางสยามยิปซี บางซ่อน ที่ปัจจุบันไม่มีอยู่แล้ว ระหว่างที่ปิดร้านนั้นไปปุ๊มีไอเดียอยากทำร้านอาหารกล่องอร่อย ๆ ที่เชียงใหม่ แต่ก็ติดปัญหาเรื่องโควิด – 19 จึงหยุดไว้ก่อน จนกระทั่งมีน้องสนิทผู้มีพระคุณชวนให้มาดูพื้นที่รกร้างว่างเปล่าข้างโรงงานรถยนต์ในจังหวัดนครปฐม ที่มองจากระดับสายตาตอนนั้นแล้วเห็นแค่แนวป่ากระถินณรงค์เต็มไปหมด
เปิด Google Map ก่อนมา จึงรู้ว่าที่ดินอยู่ติดบึงน้ำ
ปุ๊เล่าว่า “ผมลองเปิดแผนที่ในกูเกิ้ลดูก็เห็นว่าที่ตรงนี้ติดน้ำด้วย เลยลองเดินลุยแนวป่าเข้ามาจนเจอบึงน้ำ เห็นแล้วก็ชอบเลย ตอนแรกคิดเล่นๆ แค่ว่าจะทำทางเดินไม้ให้มาดูวิวน้ำตรงนี้ แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นสร้างบ้านดีกว่า และหันตัวบ้านไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เพื่อเปิดวิวไว้ดูดวงอาทิตย์ตกลงตรงบึงน้ำสวยๆ นี้เลย”
ไม่ได้นอนป่า นอนบ้านก็มีความสุข
แม้จะไม่ได้เข้าป่าไปนอนฟังเสียงธรรมชาติทุกวัน แต่บ้านหลังนี้ก็เติมเต็มไลฟ์สไตล์และการงานที่รักของปุ๊ได้ครบถ้วน ปุ๊บอกว่า “ไม่ว่าจะเข้าป่าหรืออยู่ที่บ้านหลังนี้ ทำอาหารให้ลูกค้ากิน อยู่จนดึกดื่นห้าทุ่มแล้วค่อยขึ้นนอน เพราะห้องนอนมีไว้นอนอย่างเดียว เท่านี้ก็ลงตัวและสบายที่สุดแล้วครับ”
ชีวิตเหมือนนกฟีนิกซ์
เราสังเกตเห็นผนังบ้านอีกด้านที่อยู่ฝั่งถนนของปุ๊กรุด้วยไม้ทาสีเขียว และตรงประตูโรงรถโดดเด่นด้วยสัญลักษณ์นกฟีนิกซ์ตัวโต ปุ๊อธิบายเรื่องนี้ทิ้งท้ายไว้ว่า “ผมใช้ชีวิตแบบเริ่มใหม่มาหลายครั้ง มันเหมือนๆ กับนกฟีนิกซ์ ผมเลยออกแบบลายนกฟีนิกซ์นี้ขึ้นมาเอง เป็นสัญลักษณ์เตือนใจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตัวนกที่เหมือนนาฬิกาทราย เมื่อร่วงหล่นลงมาก็พลิกกลับไปเริ่มใหม่ ปีกสองข้างของนกก็เหมือนช่วยพยุงเวลาอีกด้านหนึ่งตกลง ส่วนหัวนกที่เป็นเหมือนอักษร A คือทำอะไรก็ตามให้ได้ดีสักเรื่องไปเลย ง่ายๆ ก็ได้ เหมือนอย่างตอนนี้ที่ผมใช้ชีวิตแต่ละวันให้สนุก และมีความสุขที่สุด”
สนใจมาเยี่ยมบ้าน มาชิมอาหาร และรู้จักตัวตนของเชฟอาหารไทยสายเอ๊าดอร์ผู้รักธรรมชาติคนนี้ ก็จองเข้ามารับประทานผ่านทาง IG: triplestitchediary และ Line: Handsomegasolinecafe กันได้
Explorers: ปุ๊
ชวนคุย: ยู
ถ่ายภาพ: โก๋
ขอขอบคุณ: คุณอิศเรศ จันทรวดี และม.ล.นรากร วรวรรณ เจ้าของบ้าน