Type and press Enter.

FJALLRAVEN CLASSIC KOREA จากขุนเขาสู่ทะเลที่เชจู

FJALLRAVEN CLASSIC KOREA เส้นทางที่ถือได้ว่าเป็นการเดินทางท่องเที่ยวที่ครบรส คุณจะได้สัมผัสทั้งวิวบนยอดเขาสูง ป่าสน ถนนเมือง และที่ปลายทางคุณจะได้เดินลัดเลาะริมหน้าผาหินภูเขาไฟเลียบทะเลสีคราม

ผมคิดว่าการเดินเท้าระยะไกลแบบนี้อาจเป็นวิธีการเข้าถึง “เกาะเชจู” ได้ดีที่สุดอีกวิธีหนึ่ง มันให้ความรู้สึกเหมือนเราท่องเที่ยวแบบการเดินศึกษาธรรมชาติมากกว่าการเดินป่าลุยพงแบบจริงจัง ครั้งนี้ค่อนข้างต่างจากที่ผมเคยไปเดินป่าที่อื่น ๆ มา ถึงแม้ระยะทางในแต่ละวันอาจจะไกลสักหน่อย แต่มันก็ทำให้เราได้เห็นสถานที่ และทัศนียภาพที่หลากหลาย ผมค่อนข้างประทับใจกับการเดินเท้าแบบเหนื่อยสุด ๆ แล้วได้ไปพักตรงร้านค้าที่มีกาแฟ ไอศกรีม น้ำอัดลม และขนมขาย ทุกจุดพักจะมีห้องน้ำเสมอ นอกจากธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ระหว่างทางเราจะได้แวะร้านกาแฟรสชาติดี และร้านอาหารโลโควอร่อย ๆ พร้อมจิบเบียร์เย็นฉ่ำ…นี่แหละมันต้องแบบนี้!

Fjallraven Classic Korea-12
ทางเดินในอุทยานฯ ที่ทำไว้อย่างดี
Fjallraven Classic Korea-20
ต้นไม้ใกล้เปลี่ยนสี

ที่นี่คือเส้นทาง FJALLRAVEN CLASSIC หนึ่งเดียวของเอเชีย เส้นทางโดยรวมของ FJALLRAVEN CLASSIC KOREA นี้มีระยะทางเกือบ 60 กิโลเมตรใช้เวลาทั้งหมด 3 วัน 2 คืน ส่วนหนึ่งของเส้นทางจะอยู่ในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติฮัลลาซาน (Hallasan National Park) นอกจากที่นี่จะเป็นยอดเขาที่สูงสุดในเกาหลีใต้แล้ว ยังอุดมไปด้วยสัตว์ป่า และพืชพันธุ์หายากนา ๆ ชนิดถือว่าเป็นแหล่งธรรมชาติที่สำคัญในระดับที่เป็นมรดกโลกของเกาหลีใต้เลยทีเดียว

Fjallraven Classic Korea-47
ทุ่งหญ้าบนยอดเขาในวันที่อากาศสดใส

ผมตั้งใจหาข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางในครั้งนี้ไม่มากนักเพราะต้องการความ “สด” กับประสบการณ์แบบเฉพาะหน้า แต่มันก็มีบ้างที่เราจำเป็นจะต้องรู้ข้อมูลเพื่อการเตรียมตัว และเตรียมอุปกรณ์ให้เหมาะสม ส่วนเรื่องสภาพของเส้นทางเรียกว่าผมดูแบบผ่าน ๆ ให้พอรู้ว่ามีบันได เดินไกล เท่านั้นพอ ดูแล้วเส้นทางไม่ยากเท่าไหร่หากเทียบกับที่เคยเดินมาแล้ว ครั้งนี้คงไม่ต้องฟิตซ้อมร่างกายอะไรมาก และขอใส่รองเท้าแบบหลวม ๆ เดินสบาย ๆ ยิ่งอากาศไม่ได้ร้อนแบบบ้านเราทุกอย่างดูแล้วท่าจะไปได้สวย…ด้วยความประมาทนี้เอง คือจุดเริ่มต้นของความ “พัง” ตลอดทริปของผมในครั้งนี้

Fjallraven Classic Korea-05
พี่ปั้น พี่ต่าย ผู้ดูแลมนุษย์สื่อไทยทุกคนในทริปนี้
Fjallraven Classic Korea-15
บรรยากาศร่มรื่น
รรมชาติที่เข้าถึงง่าย

การจัดการพื้นที่ทางเดินศึกษาธรรมชาติของอุทยานแห่งชาติฮาลาซานถูกสร้างไว้ค่อนข้างดีถึงดีมาก มีบันไดไม้เป็นขั้นมาตรฐานพร้อมราวจับอำนวยความสะดวกให้กับทุกคน มีทางเดินไม้ และพรมทักผืนใหญ่ปูไว้ให้เดินกันอย่างง่าย ๆ กันลื่น และกันการสะดุดก้อนหินเกือบตลอดเส้นทาง ทุกอย่างถูกออกแบบมาอย่างดีโดยใช้วัสดุธรรมชาติดูแล้วไม่ขัดหูขัดตากลมกลืนไปกับพื้นที่

ด้วยการจัดการของพื้นที่จนรู้สึกว่าการเข้าถึงธรรมชาติเป็นเรื่องสะดวก ผมจึงไม่แปลกใจเลยที่เห็นคนเกาหลีชวนกันมาเป็นกลุ่ม ตั้งแต่ครอบครัวที่มีเด็ก นักศึกษา ไปจนถึงวัยเกษียณชวนกันเดินเล่นขึ้นไปยอดเขาไม่ต่างจากการเดินเล่นในสวนสาธารณะ ทุกคนต่างมีกระเป๋าสะพายแบบวันเดย์ทริปใส่ข้าวของ อาหาร และน้ำดื่มดูเป็นเหมือนกิจกรรมปกติของที่นี่ เห็นแบบนี้ก็พาให้เรารู้สึกดีแกมอิจฉาหน่อย ๆ อยากมีเส้นทางธรรมชาติเยอะ ๆ แบบนี้ใกล้บ้านแบบเขาบ้าง

ผมผู้ซึ่งแบกเป้ใบใหญ่มาในชุดเดินป่าจัดเต็มที่ก้มหน้าก้มตาก้าวขาที่เริ่มตึงบรรจงขึ้นบันไดได้อย่างช้า ๆ  ต้องยอมยกนิ้วให้กับเหล่าอาจุมม่าที่เดินแซงผมขึ้นบันไดไปแบบตัวปลิวอย่างสบาย ๆ พร้อมโบกมือทักทาย เล่นเอาผมเสียความมั่นใจไปเล็กน้อย “ถ้าคุณคิดว่าคุณแข็งแกร่งให้คุณลองมาเจอแก็งค์อาจุมม่าที่เกาะเชจูก่อนเถอะ”

Fjallraven Classic Korea-46
บันไดที่อุทยานฯ ทำไว้ให้แบบเป็นขั้นความสูงมาตรฐานเดินง่าย
บันได

ด่านแรกของพวกเราคือการเดินขึ้นบันไดไม่รู้กี่พันขั้นในระดับความชันหน้าหงาย และผมเองผู้ที่อ่อนซ้อม และปรามาศเส้นทางนี้เอาไว้ กว่าจะรู้ตัวว่ารองเท้าที่ผูกเชือกมาแบบหลวม ๆ มันทำให้การเดินของผมไม่ถนัดเท่าที่ควร ผมก็โดน “ตระคิว” เล่นงานเข้าที่ต้นขาทั้งสองข้างเสียแล้ว “อะไรกันวะเนี่ย!! นี่ยังไม่ถึงครึ่งทางของวันแรกเลยเราจะมาเสียทรงแบบนี้ไม่ได้นะเฮ้ย!”

แต่ท้ายที่สุดผมก็ต้องยอมรับกับชะตากรรมโดยมี Maevlyn สาวสวยทีมงานชาวสิงคโปร์เดินปิดท้ายเป็นเพื่อน บอกตรง ๆ ว่าแอบเขินนิด ๆ ที่นักเดินป่าชายตรีทรงโหดแบบผมจะอ่อนด้อยตั้งแต่ต้นทางขนาดนี้ และเส้นทางของวันนี้ยังเหลืออีกยาวไกล

Fjallraven Classic Korea-14
นักเดินป่าสปีดสล็อต เดินช้าหน่อยแต่ถึงชัวร์
Fjallraven Classic Korea-03
จะขนอะไรมาก็ได้ แต่ต้องแลกกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน

ในที่สุดผมก็พาร่างขึ้นมาจุดที่สูงทึ่สุดของเส้นทางนี้จนได้ เราทุกคนมีข้าวเที่ยงจากทางผู้จัดงานเตรียมไว้ให้ก่อนเดินทางเป็น “บิบิมบับ” ถือว่าเป็นมื้อเที่ยงที่ไม่เลวทีเดียว ต้องขอชื่นชมเรื่องของอาหารที่ทางผู้จัดงานเตรียมมาให้ว่า ทั้งอร่อย และมีให้เติมอย่างไม่ต้องกลัวอด ตลอดทริปผมแทบไม่ได้เอาอาหารจากไทยที่ติดตัวมาด้วยกินเลย และในช่วงเวลาพักแบบนี้ผมควรใช้มันให้คุ้มค่าโดยการ กิน แล้วก็นอน เพื่อชาร์จแบตให้กับแข้งขามีแรงขึ้นมาเสียหน่อย ไม่นานนักก็ต้องลุกไปล้างหน้าล้างตาเตรียมตัวไปต่อ หลังจากนี้เราก็เดินลงลูกเดียว

Fjallraven Classic Korea-34
อาหารสำเร็จรูปของที่นี่รสชาติดีทีเดียว และมีให้เติมทุกจุดแคมป์

ขาขึ้นชันแล้ว ขาลงก็ชันเช่นกัน เมื่อขาคุณเจ็บการเดินลงบันได้เป็นพันขั้นนั้นไม่ง่ายเลย แม้ตอนนี้รองเท้าที่ผมใส่มาแบบหลวม ๆ ตั้งแต่ทีแรกจะถูกปรับให้กระชับขึ้นแล้วก็ตาม แต่มันก็สายเกินไป เพราะฝ่าเท้าผมมันเสียดสีไปกับพื้นรองเท้าจนดูเหมือนว่ามันเริ่มมีอาการพองเล็กน้อย

ผมมักบอกกับเพื่อนนักเดินทางเสมอ ๆ ว่า “หากเราต้องเดินป่า เท้า และหลัง ควรรักษาไว้ให้ดี เพราะหากสองอย่างนี้เจ็บ มันจะทำให้การท่องเที่ยวของคุณเปลี่ยนเป็นหนังชีวิตทันที…” รองเท้าควรใส่ให้กระชับ และเป้ควรถูกปรับให้เหมาะสม เดินป่าคือเดินป่าไม่ว่าใกล้ หรือไกลแค่ไหนทุกอย่างต้องรัดกุม เตรียมตัวให้พร้อมคือดีที่สุด และผมก็ดันมาประมาทกับเรื่องนี้เสียเอง…

สำหรับมนุษย์ผู้ขาเจ็บตั้งแต่ต้นทางแบบผมมีหน้าที่แค่ประคองตัวไปให้ถึงที่หมายในแต่ละวันก็พอ เมื่อถึงจุดพักผมมีหน้าที่แค่นั่งเฉย ๆ ทันทีที่วางเป้สัมภาระลงกับพื้น เก้าอี้ และเต็นท์ของผมก็ถูกประกอบร่าง กางออกอย่างรวดเร็วด้วยระบบ “อัตโนเพื่อน” มันเสร็จสมบูรณ์ตึงเปรี๊ยะโดยใช้เวลาไม่นานนักแบบที่ผมไม่ต้องขยับตัวอะไรเลย การมีผู้ชายกางเต็นท์ให้มันดีแบบนี้นี่เอง

เมนูอาหารเย็นของวันนี้คือของสดพร้อมเครื่องปรุง และวัตถุดิบอื่น ๆ ที่ถูกซีลมาอย่างดีในซองพลาสติก ทางผู้จัดคงอยากให้เราได้สัมผัสกับบรรยากาศการแคมป์ แบบมีกิจกรรมให้ประกอบอาหารเองเล็กน้อยพอสนุกได้บรรยากาศ และผมผู้ที่สภาพไม่ต่างจากผู้ประสบภัยที่แค่ขยับตัวก็เป็นเรื่องยากแล้ว ก็ได้ของสดมากับเขาเหมือนกัน จะให้มานั่งผัดเห็นทีคงจะได้กินพรุ่งนี้เช้า “ทำอย่างไรล่ะทีนี้”

โชคดีที่ผมพอมีแต้มบุญอยู่บ้าง ในทุกการเดินทางของผมโชคชะตามักจะส่ง “เพื่อนร่วมทางดี ๆ” มาให้ผมด้วยเสมอ ผมยื่นวัตถุดิบทุกอย่างพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจส่งให้ บอล และพี่ต่าย ช่วยกันปรุงเป็นอาหารเย็นรสเลิศ ส่วนผมมีหน้าที่กิน และพักยืดเหยียดเส้นที่มันตึงไปทั้งตัวก็พอ…

Fjallraven Classic Korea-19
อาหารเย็นสุดอร่อยทีทางทีมงานเตรียมไว้ให้อย่างดี
Fjallraven Classic Korea-17
กาแฟยามเช้าที่จุดแคมป์มีให้บริการกับนักเดินทางทุกคน
Fjallraven Classic Korea-42
ห้ามพลาดตราสแตมป์เมื่อถึงจุดแคมป์
ไกล

วันที่สองถึงจะมีเส้นทางขึ้นเนินบ้าง ลงเนินบ้าง แต่เส้นทางชัน ๆ นั้นไม่มีแล้ว แม้มันจะเดินสบายกว่าเมื่อวานก็จริง แต่ระยะทางของวันนี้ 26 กิโลเมตร! และตอนนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าส้นเท้าทั้งสองข้างที่ต้องรับน้ำหนักทุกอย่างของร่างกายมันพองแบบมีน้ำใส ๆ ปูด ๆ ตึง ๆ อยู่ข้างใน แต่ยังดีที่ได้ยาคลายกล้ามเนื้อจากพี่ปั้นมาเยียวยาอาการปวดขาเอาไว้หน่อย ผมรู้ตัวทันที “วันนี้บันเทิงแน่”

เส้นทางวันนี้จะเป็นการเดินเข้าป่าสน ผ่านไร่นา และมีถนนเล็กน้อย พวกเราแก็งค์สื่อไทย พี่ปั้น พี่ต่าย บอล สิงห์ น้องกิม ภาค และผม รวม 7 คนเริ่มเดินเกาะกลุ่มกัน ทำให้บรรยากาศการเดินวันนี้สนุกขึ้นด้วยบทสนทนาสารพัดเรื่อง แต่ไม่นานนักนักเดินป่าสปีดสล็อตแบบผม ก็เริ่มทิ้งท้ายห่างเพื่อน ๆ ไปเป็นระยะ ๆ โดยชาวแก็งค์จะหยุดคอยผมเป็นระยะ ๆ เช่นกัน

วันนี้ดูเหมือนผมจะ “พัง” กว่าเมื่อวาน เพราะนอกจากกล้ามเนื้อหน้าขาเจ็บแล้ว ตอนนี้ส้นเท้าก็เจ็บจากอาการเท้าพองด้วย แต่ทุกอย่างยังคงโอเค ผมมีความสุขกับการซึมซับธรรมชาติ ชมนกชมไม้ได้อย่างรื่นรมย์อาจจะช้าสักหน่อย แต่ก็ถึงชัวร์ ๆ

Fjallraven Classic Korea-25
ที่อุทยานแห่งชาติฮัลลาซานมีลักษณะของป่าหลายหลายรูปแบบ

บรรยากาศในวันที่สองก็สวยไปอีกแบบ วันนี้คุณจะได้สัมผัสกับบรรยายกาศของป่าสนเย็น ๆ ชื้น ๆ ดูสดชื่นมันให้ความรู้สึกต่างจากเมื่อวาน ดูเหมือนว่าเส้นทางของการเดินป่าแห่งนี้จะมีจุดเข้าได้หลายทาง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้คนได้เข้าถึงง่าย ๆ คุณจะเดินเข้าป่า แล้วไปโผล่ที่ถนน หรือลานจอดรถสักแห่ง แล้วก็ลัดเลาะเข้าป่าต่อ เส้นทางเดินชัดเจนในระดับที่เดินคนเดียวก็ไม่มีทางหลง ทางเดินพรมถักจะนำทางคุณไปจนถึงทางออก มีป้ายบอกทาง รวมถึงป้ายให้ความรู้เรื่องระบบนิเวศน์พื้นถิ่น เกี่ยวกับสัตว์ป่า นก หรือพืชต่าง ๆ ที่ถูกออกแบบอาร์ตเวิร์คมาได้อย่างสวยงาม และมีให้อ่านอยู่เป็นระยะ

Fjallraven Classic Korea-28
บรรยากาศของป่าสนเย็น ๆ ทำให้เดินเรื่อย ๆ ไม่เหนื่อยเท่าที่ควร

เราเดินกันมาจนถึงช่วงท้ายของวันตัดเข้าไร่ของชาวบ้านแล้วลัดเข้าป่าอีกหน่อย ช่วงเวลาเกือบ ๆ ห้าโมงเย็นแถวที่เราเดินผ่านแสงกำลังสวย มันพอมีเวลาให้เราได้หยุดถ่ายรูปกันนิดหน่อย แต่อย่าลืมว่านี่คือแสงช่วงสุดท้ายของวัน นั่นหมายความว่าคุณมีเวลาอีกไม่เกิน  2 ชั่วโมงที่จะเดินให้ถึงปลายทางก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน และความเร็วสูงสุดของขาผมตอนนี้มันทำให้ไม่แน่ใจว่าผมจะถึงแคมป์ก่อนค่ำไหม

Fjallraven Classic Korea-21
บรรยากาศของไร่กว้างกับแสงเย็น ก่อนเดินลัดเข้าป่าอีกครั้ง

และก็เป็นไปตามคาดผม และภาค เพื่อนผู้ร่วมชะตากรรมกว่าจะเดินพ้นชายป่าออกมาถึงถนนก็ต้องควักไฟฉายคาดหัวออกมาแล้ว ตอนนี้หกโมงเศษ และทีมงานบอกผมว่าเหลืออีกแค่สามกิโลเมตรเท่านั้น สบาย ๆ อีกไม่ไกลก็ถึงแล้ว ในที่สุดท้องฟ้าก็มืดมิด และพวกผมคือนักเดินทางสองคนสุดท้ายของวันนี้แน่นอน

แต่ถึงให้เส้นทางมืดขนาดไหนผมก็ไม่ได้ได้รู้สึกเดียวดายอะไรเลย เพราะมีทีมงานเกาหลีเจ็ดคนเดินประกบท้ายเปิดไฟฉายพร้อมกับรถกระบะคันใหญ่เปิดไฟส่องทางส่วางวาบกดดันอยู่ด้านหลัง “เอาซี้ เอาให้มันดูยิ่งใหญ่กันไปเลย” มากันขนาดนี้เราก็เดินคุยกันไปเสียเลย นาฬิกาบนข้อมือบอกเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว ทำไมสามกิโลที่เขาว่ามันถึงรู้สึกไกลขนาดนี้ ผมเลยลองถามทีมงานดูอีกสักรอบว่าเหลือระยะทางอีกแค่ไหน คำตอบคืออีกสองกิโลเมตร “อะไรวะ! นี่ผมเดินมาชั่วโมงเศษแล้วทำไมยังเหลืออีกตั้งสองกิโลเมตร!” ตอนนั้นเองที่ทำให้ผมคิดได้ว่ามาตรวัดของไทยกับเกาหลีคงไม่เท่ากันแน่ ๆ…

Fjallraven Classic Korea-02
บอล ผู้ชายที่คอยกางเต็นท์ให้ผมตลอดสองคืน
Fjallraven Classic Korea-06
ภาค เพื่อนผู้ร่วมชะตากรรมอีกคน

ท่ามกลางทางถนนมืดมิดตรงหน้า ผมเห็นดวงไฟวูบวาบสีขาวนวล ค่อย ๆ ขยับลอยขึ้นลงเป็นจังหวะ ใกล้เข้ามาหาผมเรื่อย ๆ แสงไฟนั้นคือ พี่ปั้น หัวหน้าแก็งค์พวกเราที่วิ่งย้อนกลับมาด้วยแรงเหลือ ๆ เหมือนถึงแคมป์แล้วไม่รู้จะทำอะไรต่อดี เลยมาวิ่งออกกำลังเล่น ๆ พร้อมเอาน้ำอัดลมมาให้พวกเราดับกระหาย “So Sweet” เสียงจากแก็งค์ทีมงานสาวเกาหลีที่เดินกดดันผมอยู่ด้านหลังดังขึ้น พอสร้างเสียงหัวเราะให้หายเจ็บขาได้บ้าง ในที่สุดพวกเราก็เดินทางถึงแคมป์ของวันที่สอง ด้วยความยิ่งใหญ่สว่างไสวกว่าใครด้วยไฟฉายของทีมงานทั้งเจ็ดคน พร้อมไฟหน้าของรถกระบะ เสียงปรบมือดังสนั่นจนคนทั้งแคมป์หันมาดูให้มันรู้ไปเลยว่าผมนี่แหละคนไทยมาถึงคนสุดท้ายของวัน!!…

ถนนเมือง

เส้นทางของวันสุดท้ายเรียกได้ว่า 90% เป็นการเดินตามถนนเข้าสู่เมือง ผ่านไร่ส้ม ผ่านชุมชม และแปลว่ามันก็ ผ่านร้านไอศกรีม ร้านกาแฟ รวมถึงร้านอาหารด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าเราแวะกันทุกร้าน! ตอนนี้ขาและเท้าผมไม่มีตรงไหนไม่เจ็บแล้ว แต่มันก็ยังพาร่างและสัมภาระของผมเคลื่อนที่ไปได้อยู่ถึงแม้จะช้ามากก็ตาม อย่างไรวันนี้ก็ไม่ถึงปลายทางจนมืดค่ำแน่นอน เพราะเราจะเดินกันที่ 17 กิโลเมตรเท่านั้น และไม่มีเนินชันอีกแล้ว จะมีก็แต่ถนนแข็ง ๆ ที่สร้างความสะท้านให้กับเท้าเรามากขึ้นเท่านั้นเอง…

Fjallraven Classic Korea-44
ทางเลียบถนนที่ร่มรื่น
ช่วงสุดท้ายของปลายทางกับผาหินภูเขาไฟริมทะเลสีคราม

เมื่อเราเดินออกจากป่าก็รับรู้ได้ถึงพลังความร้อนของแดดทันที วันนี้ไม่มีร่มไม้เย็น ๆ เหมือนสองวันแรกจนทำให้ผมนึกเล่น ๆ ว่าเดินในป่าแบบมีเนินอาจสบายกว่า แต่ถึงอย่างไรก็ตามตลอดการเดินเท้าระยะไกลสามวันนี้ผมรู้สึกว่ามันเป็นการเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างดีทีเดียว เราได้เห็น เชจู ในมุมมองหลายแบบ และผมก็รู้สึกว่าการเดินทางไกลที่มีการอำนวยความสะดวก

และการจัดการที่ดีทั้งเรื่องของเส้นทางเดิน มีห้องน้ำทุกจุดพัก มีอาหาร แบบนี้มันช่างดีเหลือเกิน มันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกถึงความไม่สะดวก และลำบากอะไรเลย การเข้าถึงธรรมชาติได้อย่างเข้าง่าย ๆ แบบนี้ ก็ต้องอาศัยคนพื้นที่ดูแลพื้นที่ของเขาเองได้อย่างดี และนักท่องเที่ยวก็ต้องมีความรับผิดชอบด้วยเช่นกัน มันถึงจะสวยงาม ไม่เสื่อมโทรม ยอมรับว่าผมเห็นเศษขยะในเส้นทางนี้น้อยมาก

การท่องเที่ยวแบบที่มีธรรมชาติ และเมืองอยู่ร่วมกัน มันสามารถถูกออกแบบเส้นทางให้กลมกล่อมแบบนี้ได้ เราได้เห็นทั้งธรรมชาติ ชุมชม และวิถีชีวิตท้องถิ่นได้ในคราวเดียวกัน ดู ๆ แล้วบ้านเราก็สามารถทำอะไรแบบนี้ได้อย่างสบาย ๆ  มีหลายที่ที่ธรรมชาติสวยงาม วิถีชีวิตชนบทบ้านเราก็แสนจะมีเสน่ห์ อาหารอร่อย เมืองหลายเมืองก็มีความน่ารัก ยิ่งผู้คนบ้านเราก็สุดแสนจะใจดี การท่องเที่ยวแบบนี้นอกจากจะทำให้ผู้คนได้เห็นความสำคัญของธรรมชาติแล้ว ยังเป็นการดูแลรักษาธรรมชาติไปในตัว และยังทำให้เกิดรายได้ให้กับชุมชน คนพื้นที่อีกด้วย

Fjallraven Classic Korea-27
เส้นทางเดินเท้าเลาะริมทะเลที่ขนานไปกับถนน
Fjallraven Classic Korea-37
สิงห์ และน้องกิม เพื่อนร่วมทางที่ดูไม่เหนื่อยเลย
Fjallraven Classic Korea-30
ปลายทางที่กลุ่มตึกที่อยู่เกือบสุดแหลม

ช่วงสุดท้ายของเส้นทางนี้หากเป็นงานแฟชั่นโชว์ ก็คงเหมือนเป็นชุดฟินนาเล่ เราได้เดินไปบนหินภูเขาไปสีดำลัดเลาะขนานไปกับทะเลสีครามวิวดีไปตลอดจนปลายทาง วิวสวยจนเราอดไม่ได้ที่จะใช้เวลาแถวนี้กันพอสมควรเพื่อเก็บภาพเท่ ๆ กัน ผมเองก็มีภาพถ่ายสวย ๆ กับเขาด้วย จากฝีมือของ “บอล”

และผมก็คิดว่าบอลก็ควรมีภาพถ่ายเท่ ๆ เช่นกัน ผมเลยอาสาถ่ายภาพให้บอล “บอลไปนั่งตรงนู้น เดี๋ยวพี่เดินไปตรงนั้นแล้วถ่ายออกไป มันจะเป็นภาพที่โคตรสวยจนบอลอยากเอาไปเปลี่ยนเป็นโปรไฟล์ในโซเชียลมีเดียได้เลยล่ะ” ผมจัดแจงมุมอย่างดีพร้อมถ่ายรัว ๆ ให้ไปสี่ – ห้าภาพ ก่อนจะมารู้ตัวตอนที่ถึง กทม. แล้วว่าภาพที่ผมถ่ายนั้น เอียง คนเบลอ และโฟกัสชัดที่ทะเลทุกภาพ….

Fjallraven Classic Korea-11
นักเดินเมือง
Fjallraven Classic Korea-04
ผมที่อาสาถ่ายภาพให้นี้ให้กับบอลเพื่อเป็นที่ระลึก ทะเลชัดมาก
มิตรภาพที่ระลึก

เมื่อถึงปลายทางผมกลับรู้สึกว่า “เส้นชัย” มันเป็นเพียงแค่องค์ประกอบหนึ่งของการเดินทางเท่านั้น หากไม่มีเรื่องราวระหว่างทาง ปลายทางก็อาจจืดชืด และคงไม่มีอะไรให้จดจำมากไปกว่ารูปถ่าย และเข็มกลัดที่เป็นผลพลอยได้จากความดั้นด้นเดินมาจนจบงาน

สำหรับผมของที่ระลึกจริง ๆ ที่ผมได้จากงานนี้คือ “มิตรภาพ” ที่ได้รับแบบเป็นกอบเป็นกำมากกว่า ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุดแล้วของการเดินทาง สำหรับทริปนี้จะเรียกว่าผมดำรงชีพได้ด้วยมิตรสหายก็ไม่ผิด และ “มิตรภาพ” มันไม่ได้มีวางขายตามร้านสะดวกซื้อเสียด้วย แต่ก็ไม่ได้เป็นสิ่งหายากอะไรนัก เพียงคุณให้คุณก็จะได้รับ “ถ้าคุณอยากได้มิตรภาพ คุณก็ต้องซื้อมันด้วยมิตรภาพแค่นั้นเอง”…

Fjallraven Classic Korea-41
ที่เส้นชัยกับแสงเย็น
Fjallraven Classic Korea-40
Thailand Team

ขอบคุณ Thailand Outdoor, Fjallraven Thailand และสามารถติดตามข่าวสารของงาน Fjallraven Classic ทั่วโลกได้ที่ FACEBOOK: Fjallraven Thailand Apparel

ขอบคุณมิตรภาพ พี่ปั้น, พี่ต่าย, บอล, สิงห์, น้องกิม, ภาค, ทีมงานสื่อ APAC และทีมงานผู้จัดทุกคน รวมถึงสต๊าฟทั้งเจ็ดที่ส่องไฟฉายเดินตามหลังผมด้วย

EXPLORER / AUTHOR: บาส – บดินทร์  บำบัดนรภัย

PHOTOGRAPHER: บอล – นริศ รังสรรค์ปัญญา

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *