เวลากลับจากลาพักร้อน เป็นปกติที่เพื่อน ๆ มักจะถามว่า สนุกไหม ไปกินอะไรอร่อย ๆ มาบ้าง ไปมิวเซียมที่นี่ ที่นั่นมาไหม รอบนี้ก็เช่นเดียวกัน เราไปอังกฤษมา พอกลับมาถึงออฟฟิศ เพื่อน ๆ ก็ถามเหมือนเดิม ซึ่งเราตอบกลับแบบเขิน ๆ ว่า เราไป “เดินป่า” ปฎิกิริยาของเพื่อนผู้ฟังดูจะสงสัยเล็กน้อย แล้วถามว่า “อังกฤษมีที่เดินป่าด้วยเหรอ” เรายิ้มให้ แล้วบอกไปว่า “มีสิ และสวยมากด้วย มา ๆ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง…”

นี่คือประสบการณ์การณ์ 3 วัน 2 คืน ที่เราจะได้ดูแลรับผิดชอบชีวิตตัวเองท่ามกลาง ภูเขา ทุ่งหญ้า สายลม และแสงแดด ที่ Lake District National Park ในงาน FJALLRAVEN CLASSIC UK
FJALLRAVEN CLASSIC คือ กิจกรรมที่จัดขึ้นท่ามกลางธรรมชาติ ให้ผู้คนได้ออกไปใช้ชีวิตกลางแจ้ง ได้เดินป่า แบกกระเป๋า กางเต็นท์ ทำอาหารทานเอง ดูแลทุกอย่างด้วยตัวเอง ได้ใช้ชีวิตแบบอิสระ
โดยมีระยะเวลาตั้งแต่ 2 คืนไปจนถึง 6 คืน โดยไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ กิจกรรมนี้จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2005 ที่ Sweden ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก จนทีมงานนำไปจัดในอีกหลายประเทศ เช่น Denmark, Germany, UK, US, Korea, Chille
โดยรอบนี้ FJALLRAVEN CLASSIC UK ซึ่งปกติจะจัดขึ้นที่ Scottish Highlands แต่ด้วย Concept ในปีนี้ ทางทีมผู้จัดอยากนำเสนอเอกลักษณ์ความเป็นฺ British บวกกับธรรมชาติที่สวยงาม จึงมาจบที่ Lake District National Park อุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงลำดับต้น ๆ ของประเทศ ซึ่งนักเดินทางจะได้เดินผ่านป่าโบราณอายุกว่า 400 ปี
ได้สัมผัสวิวภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศอย่าง Scafell Pike เดินเลียบผ่านหมู่บ้านเก่าแก่ของเมือง ที่ที่เราจะได้ดื่มด่ำไปกับสถาปัตยกรรมยุคหินใหม่ แล้วมาจบที่ปราสาทริมชายฝั่ง เรียกได้ว่าแค่เห็น Route การเดินคร่าว ๆ ก็รอแทบไม่ไหว

DAY 0
ทริปนี้เราเริ่มเดินทางจาก London นั่งรถไฟตรงไปยังเมือง Lancaster ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ห่างจากเมือง Lancaster 32 กิโลเมตร เราเดินทางมาถึง Muncaster Castle ปราสาทขนาดใหญ่รอต้อนรับเราอยู่ (เขาเปิดโรงแรมในปราสาทไว้ให้แขกเข้าพักด้วยครับ) ที่นี่เป็นจุดลงทะเบียน Check in รับอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งเขาจะมีอาหารให้เราทั้ง 3 วัน 2 คืน รวมถึงแก๊สกระป๋อง แน่นอนเราต้องจัดกระเป๋าแบกไปเองทั้งหมด และที่นี่ ข้างปราสาทจะมีลานทุ่งหญ้าเป็น Campsite สำหรับคนที่ไม่ได้จองโรงแรมใกล้ๆมาอย่างเรา สามารถพักฟรีนะครับในคืนแรก

DAY 1
ตอนเช้าเราออกจาก Campsite ที่ Muncaster Castle นั่งรถบัสไปที่จุดเริ่มเดิน ใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง เราก็จะถึงหมู่บ้านกลางหุบเขา Langdale ซึ่งเป็นจุดเริ่มเดินของวันนี้โดยกลุ่มเราจะมีพี่คนไทย 6 ท่าน แต่เดินจริง ๆ ก็จะแยก ๆ กันตามอัธยาศัยครับ

รูทนี้พิเศษตรงที่ทีมผู้จัดทำทางเดินขึ้นมา เป็นเส้นทางเดินรถม้าเก่าสมัยที่ยังไม่มีถนนตัดผ่านระหว่างเมือง ชาวบ้านก็จะใช้ถนนเส้นนี้เดินทาง ขนส่งสินค้าระหว่างกัน

เดินไปสักชั่วโมงแรก เราจะได้เจอ Highlight แรกของทริป คือ Neolithic ‘Axe Factory’ เป็นโรงงานทำขวานหินสมัยยุคหินใหม่ (2000BC) ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา ลักษณะเป็นถ้ำและมีทางเข้าไปด้านใน

เดินต่อมาอีกหน่อย เราจะเริ่มดันเนิน Uphil lขึ้นไป Stake Pass (ความสูง 481m) ซึ่งเป็น Pass แรกของทริปที่จะต้องข้ามกันแล้ว เมื่อเราเดินข้ามมา ก็จะถึงทางเดินลงเขา และจะได้เจอกับน้ำตกที่มีสระสีเขียวมรกตสวยงามมาก (Crystal-clear water) แน่นอน ฝรั่งต่างถอดเสื้อเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานเลยทีเดียว
และที่นี้ เราจะได้พบ Checkpoint ของงาน ส่วนตัวผมชอบระบบ CP หรือ Checkpoint มาก เพราะจะเตือนผู้จัดเรื่องความเรียบร้อยของงานหลาย ๆ อย่าง พี่ ๆ Staff ผู้จัดเดินมาแซวพวกเราคนไทยว่า “ขอบคุณที่พาอากาศประเทศคุณมาที่นี่่นะ อากาศดีมากเลย” ผมฟังแล้วก็ เออ…จริงว่ะ อากาศมันดี ไม่ร้อน แดดออก และฝนไม่ตกเลย ทั้งที่เราทราบกันดีว่าประเทศอังกฤษฝนตกบ่อยมาก อากาศจะขมุกขมัวเสมอ หลังจากนั้นเราก็จะเดินต่ออีก 1 ชั่วโมง ผ่านฟาร์มแกะ ผ่านหมู่บ้าน Rosthwaite แล้วเราก็จะเจอ Campsite ที่ตั้งอยู่ใหุบเขา Borrowdale บอกเลย โคตรสวย!

DAY 2
เช้าวันที่สองของทริปนี้ เราตื่นกันมาจากเสียงปลุกของแกะที่ร้องอยู่ในคอกข้าง ๆ ทำให้เราได้รู้ว่าว่า อ่อ เมื่อคืนเราไม่ได้นอนในลานกางเต้นท์ปกติ แต่มันเป็นคอกแกะ ที่ต้อนแกะออกไปเพื่อรับ Trekker แบบเรานี่หว่า! และเมื่อคืนผมนอนหลับไม่สนิทเท่าไรเพราะอากาศหนาวมาก อุณหภูมิน่าจะลงไปต่ำกว่าที่คิดไว้ ถุงนอนที่เตรียมมา ก็เป็นแบบ Comfort สำหรับ 5 องศา เท่านั้น รู้เลยว่าการเตรียมอุปกรณ์ไม่ดีพอเป็นยังไง จากนั้นเราก็เก็บของ ทำธุระส่วนตัว พร้อมออกไปลุยกับการเดินวันที่ 2

ช่วงแรกเราผ่านหมู่บ้าน ที่โคตร Hipster เป็น Hub ของนักปีนผาโดยแท้จริง อารมณ์คล้ายๆเมือง Chamonix ที่จัดงาน UTMB ผู้คนสะพายอุปกรณ์ปีนผา นั่งชิลใน Coffee Shop เพื่อรอเวลา เพราะบริเวณนี้เป็นเทือกเขาที่สูงที่สุดในเกาะอังกฤษ ชื่อว่า Scafell Pike แหล่งเดินป่าปีนเขาที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของประเทศ เราออกเดินกันได้สัก 2 ชั่วโมง ก็จะเริ่มดันเนินขึ้นไปยัง Sty Head Tarn Pass (479m) ที่ที่เราจะได้เจอ Checkpoint ให้ได้พักเหนื่อย กินอาหาร และดื่มด่ำไปกับวิวเทือกเขาอันสวยงามที่โอบล้อมเราไว้

หลังจากนั้นเราก็จะลงเขาไปยัง Camp คืนนี้ที่ Wasdale ระหว่างทางลงเขาอาจต้องเดินระวังสักหน่อย เพราะด้านข้างเป็นหน้าผาทั้งหมด คล้าย ๆ ขาเดินลงจากเขาลังกาน้อย เดินลงไปสักพักผมได้เห็นทีม Mountain Rescue 5 คน กำลังเดินสวนขึ้นมาด้วยความเร่งรีบ สอบถามไปจึงได้ทราบว่ามีอุบัติเหตุนักปีนผาตกจากเขา ใจเราก็ได้แต่เอาใจช่วยให้เค้าปลอดภัย สักพักนึงก็เห็น Rescue Helicopter บินเคลื่อนตัวออกมาจากหุบเขา เป็นสัญญานว่าได้พาผู้ประสบภัยไปรักษาแล้ว
เมื่อลงเขามา เราก็ได้เจอภาพเดิม ๆ คือฟาร์มแกะ แล้วก็จะเจอหมู่บ้าน เหมือนเป็น Plot ที่เขียนไว้ ผมได้แอบขำกับตัวเองในใจ เพราะนึกถึงตอนไปเดินป่าภาคใต้ของไทย เราจะเริ่มที่เจอสวนยาง ลงเขามาแล้วจบที่สวนยาง ส่วนถ้ามาอังกฤษ เริ่มที่ฟาร์มแกะ และจบที่ฟาร์มแกะ เหมือนกันเลย

และแล้วเราก็ถึง Campsite ของวันนี้ ที่ซึ่งผมให้ความสวยเป็น Top 10 ของผมเลย ติดแหล่งน้ำ Wastwater ซึ่งคือจุดที่ลึกที่สุดในอังกฤษ (79m.) แน่นอนเราสามารถแช่น้ำ อาบน้ำเพื่อชะล้างความเมื่อยล้าที่ประสบมาทั้งวัน และแคมป์กันอย่างสนุกสนาน พร้อมออกเดินทางต่อในวันพรุ่งนี้


DAY 3
เมื่อคืนผมหลับดีมาก นอนสบาย ตื่นมาพร้อมที่จะออกเดินเลย แต่แล้วก็รู้สึกใจหาย พอคิดว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเดินแล้ว ก่อนออกเดินทางจึงตั้งใจว่าจะจดจำระยะทาง 17 กิโลเมตรสุดท้ายให้ได้ทุกก้าว เช้านี้ผมออกไวหน่อย 08.00 เราขึ้นเขาลูกสุดท้ายกันที่ Burnmoor Tarn (297m.)

โดยเราใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงสั้น ๆ ก็กลับลงมา ผ่านหมู่บ้านเล็ก ๆ ชื่อ Boot และเดินเลียบแม่น้ำ Esk ต่อไปเรื่อย ๆ ชิล ๆ เริ่มผ่านบ้าน เห็นรถไฟ เตือนให้เรารู้ว่า การเดินทางครั้งนี้กำลังจะจบลงแล้ว การได้ดื่มด่ำบรรยากาศความเป็นชนบทอังกฤษแบบที่ในชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสได้มาง่าย ๆ เพราะถ้ามาเที่ยวอังกฤษ น่าจะเที่ยวอยู่แถวเมือง Liverpool มากกว่านะ ระหว่างที่คิดอยู่นั้น เราก็เริ่มเดินเข้าสู่เขตปราสาท Muncaster Castle ซึ่งเป็นสสัญลักษณ์ของ Finished Line

บรรยากาศการก้าวเข้าสู่เส้นชัย เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของ FJALLRAVEN ก็ว่าได้ เพราะทีมงานและ Trekker ที่เข้ามาถึงก่อน จะคอยปรบมือต้อนรับเสมือนเราเป็นผู้พิชิตยอดเขา เป็นภาพที่ทำให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
อีก Highlight ของงานที่พลาดไม่ได้คือ Party ที่เส้นชัย ซึ่งเป็น Event ที่ให้เราได้ฉลองความสำเร็จกับเพื่อนใหม่ที่ได้เดินทางร่วมกัน บรรดา Trekker จากหลากหลายประเทศที่มีใจรักในสิ่งเดียวกัน ชื่นชอบธรรมชาติและความอิสระ
เพราะสุดท้ายการเดินป่าในครั้งนี้ นอกจาก บรรยากาศธรรมชาติที่สวยงาม ป่าไม้ ทิวเขาหมู่บ้าน สิ่งที่การไปเทรคที่อื่นให้ไม่ได้เลย คือ ผู้คนที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้ เหมือนเราเป็นสัญชาติเดียวกัน คือ Hiker Team ที่คอยดูแลช่วยเหลือกันตลอด 3 วัน 2 คืน

ขอบคุณ Thailand Outdoor, Fjallraven Thailand และสามารถติดตามข่าวสารของงาน Fjallraven Classic ทั่วโลกได้ที่ FACEBOOK: Fjallraven Thailand Apparel
ขอบคุณมิตรภาพ พี่ปั้น พี่ต่าย พี่ลูกปลา พี่ทับทิม พี่พัด พี่ฝน พี่บั๋ม พี่ปุ้ยและทีมงานผู้จัดทุกคน รวมถึงสต๊าฟทั้งเจ็ดที่ส่องไฟฉายเดินตามหลังผมด้วย
EXPLORER / AUTHOR : ฟีม – เศรษฐพัฒน์ ศิลปสมัย
PHOTOGRAPHER : ฝน – นนทลิดา คุ้มวรกุล, ปั้น – ปรัชญา กุลธำรง