Type and press Enter.

ขี่สองล้อล้มจนท้อกว่าจะไปถึงกลอเซโล

กลอเซโล

เรื่องราวการเดินทางผจญภัย ท่องไปตามวิถีไบค์เกอร์ ขี่สองล้อเข้าป่าเส้นทางสาละวิน – กลอเซโล อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ทริปนี้เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่เหล่าไบค์เกอร์ชอบและแสวงหาเวลาที่ไปเยือน กับเส้นทางสาละวิน- กลอเซโล ด้วยความที่มันมีความโหดของเส้นทาง ความกันดารของพื้นที่ สิ่งอำนวยความสะดวกก็แทบจะไม่มี แต่ทั้งหมดทั้งมวลมันเป็นสิ่งเร้าทำให้พวกเขาออกเดินทาง อย่างน้อยก็เป็นเหมือนตำราการเดินทางบทหนึ่งที่จะบอกถึงอุปสรรคและปัญหา

กลอเซโล

อ่านแล้วทำให้คนที่ต้องการจะไปได้เตรียมตัวให้พร้อม จะได้ไม่ต้องประสบพบเจออะไรที่คาดไม่ถึง แน่นอนเราต้องการผจญภัยและความท้าทาย แต่ถ้ามันมาพร้อมความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ผมว่าการเดินทางทริปนั้นมันจะมีค่าให้จดจำเสมอ

ถ้าพร้อมแล้วเรามาออกเดินทางผ่านตัวอักษรไปพร้อมกับพวกเขากันเลยครับ

กลอเซโล

สวัสดีครับ วันนี้ผมขออนุญาตเล่าเรื่องราวและแบ่งปันบันทึกการเดินทางของผมและผองเพื่อน ด้วยการขี่มอเตอร์ไซค์สองล้อคู่ใจของพวกเราครับ

ทริปนี้เราไปตามเส้นทางดังนี้ครับ การเดินทางแบ่งออกเป็นสองสาย สายแรกมาจากจังหวัดขอนแก่น สายที่สองมาจากจังหวัดระยอง นัดพบกันที่อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช จังหวัดตาก

หลังจากรวมพลกันได้แล้ว การเดินทางแบ่งออกเป็นสองช่วงครับ ช่วงแรก อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช – อำเภอแม่สะเรียง – ท่าตาฝั่ง – บ้านแม่สามแลบ และช่วงที่สอง บ้านแม่สามแลบ – กลอเซโล

ขณะที่เพื่อน ๆ ร่วมอุดมการณ์สายบิดกำลังถกกันอย่างขมักเขม้นถึงเรื่องทริปการเดินทางของพวกเขา พี่หัวหน้าทริปท่านหันมาถามผมว่า “ไปแน่นะม่อน?”

ผมเองก็เข้าใจดีถึงความกังวลของแก ‘โก๋เป๋ง’ เพราะเท่าที่ผมทราบมา สองพี่น้องคู่นี้ชอบขี่รถมอเตอร์ไซค์ทัวริ่งเข้าป่า ล้มกันสนุกสนานประหนึ่งว่าการล้มจมในโคลน ถากไปตามโขดหินคือความสำเร็จของพวกเขา รถก็ไม่ใช่เบา ๆ และที่สำคัญราคาก็ไม่ใช่เล็ก ๆ เช่นกัน

กลอเซโล

เพื่อนตู่ขับ BMW R1250GSA โก๋เป๋งขี่ BMW F800GS ส่วนตัวผมนั้นขี่รถสายเมือง Triumph Street twin 900 ผมเองก็ไม่แปลกใจสักเท่าใดที่แกกังวลว่าผมจะไปจริงหรือเปล่า ทั้งความดิบ ดุ ของเส้นทาง การพักแรม รวมถึงรถอาจจะเสียหาย!

“ผมไปแน่นอนครับ เรื่องความลำบากไม่ต้องกังวล ผมลุย เรื่องรถถ้าพี่ไปได้ผมก็ไปได้ ถ้าผมติดก็มาช่วยผมยกรถนะครับ” ผมตอบพี่ท่านไปด้วยสายตาแน่วแน่

“ได้เลย ไอ้น้อง แต่ถ้าไปแล้วรถพังห้ามโกรธกันนะเฮ้ย!”

“ครับพี่”

กลอเซโล

ตัวผมเองอยู่ระยองครับ เพื่อนอีกสายมาจากขอนแก่น เราจึงนัดเจอกันที่จังหวัดตาก ที่จุดกางเต็นท์ อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช ในวันนัดหมาย ผมออกเดินทางจากบ้านสาย ๆ เพื่อให้ถึงที่นัดหมายเย็น ๆ บิดไปเรื่อย ๆ ถนนดี ขี่ลำเดียวพอเพลิน ๆ

ระยอง ชลบุรี เบี่ยง กทม. ไปขี่ข้ามคลองเที่ยวแถวมีนบุรี ทะลุดอนเมือง หลังจากนั้นก็จับสายเหนือขึ้นนครสวรรค์ ออก กำแพงเพชร เข้า ตาก

รถ Street twin 900 คันนี้อาจจะไม่ได้ถูกออกแบบเพื่อให้วิ่งระยะทางไกล ถังน้ำมันมีขนาดเล็ก 12 ลิตร ทำให้ต้องแวะเติมน้ำมันบ่อยทุก 150-200 กิโลเมตร ก็ขี่ไปจอดไปกว่าจะถึงตากก็บ่ายแก่ ๆ วนออกซ้ายไปทางแม่สอด ผมเดินทางถึง อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช ราว ๆ บ่ายสี่โมงกว่า ๆ

โอ้ว … ผมน่าจะเป็น ลำดับที่สองร้อยเกือบสามร้อยที่เข้ามาที่อุทยานในวันนี้ หรือว่าพวกเขาแค่มาดูหรือมาชมแล้วออกไป ขับเข้ามาไม่กี่อึดใจ ผมก็ได้คำตอบครับ ผู้คนแน่นขนัด เพียบเลย ออกมารับลมหนาวกัน ในขณะที่ผมขี่วนไปวนมา ก็เจอคณะกำลังจะจอดรถกันพอดีเช่นกัน

สวัสดี สหาย สวัสดี สวัสดี เราต่างทักทายกัน

กลอเซโล

ทริปนี้อุปกรณ์ส่วนกลาง เช่น ฟลายชีต อุปกรณ์ทำกับข้าว ฯลฯ ผมไม่ได้ขนมาเลย ผมขนแค่ในส่วนของผมเท่านั้น เต็นท์เล็ก ๆ ถุงนอน เสื้อผ้าส่วนตัว อาหารกันตายนิดหน่อย ในส่วนกองกลางนั้น สายทัวริ่ง 3 ลำ แบกมาหมด เพราะรถเขาใหญ่

ผ่านไปหนึ่งคืนที่อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช สาย ๆ เราออกเดินทางต่อครับ จุดหมายวันนี้ของเรา คือ อุทยานแห่งชาติสาละวิน จังหวัดแม่ฮ่องสอน มุ่งหน้าเข้าอำเภอแม่สอด ไปทางถนนหมายเลข 12 ขึ้นไปตามทางจนเข้าถนนหลวงหมายเลข 105 แวะไปเติมเสบียงที่ตัวอำเภอแม่สะเรียง

จุดหมายของเราอยู่ที่อุทยานแห่งชาติสาละวินก็จริงครับ แต่ไม่ใช่ ณ ที่ทำการอุทยาน แต่คือหน่วยย่อยท่าศาลา ที่ต้องเข้าลึกไปจากที่ทำการอีก 15 กิโลเมตร ณ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สว.5 (ศาลา) นี้มีเรื่องราวชวนคนหัวลุกมากมาย

ผ่านที่ทำการอุทยานเข้ามาก็วิ่งทางฝุ่น ทางเบา ๆ พอได้เขย่าความเมื่อยจากการนั่งขี่นาน ๆ ออกไปบ้าง ลัดเลาะตามสันเขา ไหล่เขา ลงห้วยบ้างพอให้ได้ล้างล้อรถ การที่จะเดินทางเข้ามาที่จุดนี้หรือ ผ่านเส้นทางนี้ทางที่ดีควรติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่อุทยานก่อนนะครับ เพราะพื้นที่นี้มีทางที่ไปได้ก็จริงแต่ยังคงเป็นพื้นที่ป่า จุดนี้ไม่ได้ถ่ายภาพเพราะกลัวจะถึงที่พักมืด เพราะที่แห่งนี้เขาว่ามีเรื่องเล่า

กลอเซโล

ไม่รู้อะไรดลใจให้เฮียเป๋งผู้นำทริปมาพักที่นี่ก็มิอาจทราบท่านได้ … ครับ มันสวยงาม มีความร่มรื่น มีความชุ่มฉ่ำ มีแมกไม้นานาพรรณ ครับแต่ทว่านอกจากมีธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่แล้ว ยังมีเรื่องเล่า มีตำนาน ที่อาจจะมีวิญญาณ และอาจจะมีสิ่งลี้ลับ ที่แห่งนี้มีหลายสิ่งครับ

แต่สิ่งที่ไม่มีคือ ไฟฟ้า !!! ทั้ง ๆ ที่ท่านกลัว กลัว และ กลัวที่สุดของคณะ … พอถึงจุดค้างแรมเอาพระออกมานอกเสื้อเต็มคอเลย … ป๊าดดด เจ้ากลัวเจ้าจิมาค้างที่นี่เฮ็ดหยังงงง!!

ไม่มีไฟฟ้าแต่มีพี่เจ้าหน้าที่พักอยู่เป็นเพื่อนท่านสองท่าน ท่านอยู่ในบ้านพักที่ห่างออกไปราว ๆ ห้าหกสิบเมตรจากจุดที่เรากางเต็นท์ … รีบ ๆ กางเข้า เราพยายามจะทำทุกอย่างให้เสร็จก่อนฟ้ามืด แต่ก็ไม่ทันครับ ได้ไปอาบน้ำบ่อปลอกกลางแจ้งกัน บรรรยากาศดีสุด ๆ

กลอเซโล

ฮึ ๆ ๆ .. อาบน้ำกลางแจ้ง ณ จุดที่อุณหภูมิสิบปลาย ๆ โดยใช้ไฟฉายในสภาพแวดล้อมที่วังเวง สุด ๆ 555+ … ทำไมไม่ไปขอพี่เจ้าหน้าที่อาบที่บ้านแกนะ ไม่เข้าใจ อาบที่นี่ทุกคนเลย ยกเว้นผู้หญิงคนเดียวในคณะเราที่ต้องไปขอพี่เจ้าหน้าที่เข้าห้องน้ำ

“ไฟมีเท่าไหร่ เอามาเปิดให้หมด” โก๋เป๋งผู้นำทริปประกาศกร้าว

“เฮ้ย มากางเต็นท์ใกล้ ๆ กรูนี่” โก๋จัดแจง

และแล้วมันก็เช้าครับจากเมื่อคืนนี้มีเรื่องเล่าครับ แต่คนเจอไม่ใช่ผม อยากรู้คงต้องให้ท่านอื่นมาเล่า เพราะผมหลับยาว เมื่อคืนเป็นอย่างไรไม่รู้ รู้แต่ว่าเช้านี้ที่นี่บรรยากาศดีมาก … หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สว.5 (ศาลา)

หลังจากจิบกาแฟ กินข้าว เล่าเรื่องราวประสบการณ์ของเมื่อคืน เราก็เก็บข้าวของเตรียมออกเดินทางต่อ จุดหมาย จุดแรกของเราในช่วงแรกวันนี้คือ ท่าตาฝั่ง ซึ่งเป็นชายแดนของไทยและพม่าโดยมีแม่น้ำสาละวินขั้นกลาง และจุดหมายต่อไปคือ บ้านแม่สามแลบ เพื่อเติมเสบียง จากนั้นมุ่งหน้าขึ้นไปกางเต็นท์ที่ กลอเซโล

กลอเซโล

ก่อนที่คณะผมจะเดินทางออกมา ผมไปบอกเจ้าหน้าที่ว่าผมคณะจะไปแล้ว พี่ท่านถามว่าจะไปไหนต่อผมบอกว่า จะไปกลอเซโล … พี่เจ้าหน้าที่นิ่งไปแป๊ปนึง แล้วก็ตอบผมว่า “อ้อ ไปกลอเซโล น่าจะถึงเย็น ๆ ล่ะเนอะ” …. ผมเริ่มเอะใจ คิดว่าถึงเย็นเลยรึ ระยะทางไม่กี่สิบโลเอง!!!!

“บ้านแม่สามแลบ” ตั้งอยู่ใน อำเภอสบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เป็นหมูบ้านชายแดนที่ติดอยู่กับประเทศพม่า กั้นระว่างกันด้วยลำน้ำสาละวิน หมู่บ้านเงียบสงบสวยงามครับ … ข้ามลำน้ำนี้ไปคือฝั่งพม่าครับ … มีจุดไฮไลท์ที่เป็นรอยกระสุนปืนจริงในบังเกอร์ชายแดนด้วย

คณะของเราเดินทางมาถึงบ้านแม่สามแลบ ราว ๆ สี่โมงเย็น ลัดเลาะออกมาจากทางตาฝั่งเรียบลำน้ำสาละวิน … ใช่ครับ บ่ายสี่โมงกว่า … ด้วยหนทางที่เอาเรื่องสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ใหญ่ ๆ ที่ขนของเต็ม ๆ อย่างเรา …. ทำให้การเดินทางตามเส้นทางธรรมชาติทำได้ช้ากว่าที่กำหนดไว้มาก

กลอเซโล

สมาชิกบางท่านพอลงจากอานมอเตอร์ไซค์ได้ ก็นั่งตรงนั้นเลย ก้าวขาไม่ออก เข่าล็อค มือชา เอวเคล็ด อาการทางร่างกายมาเต็ม ดูสภาพเพื่อนตู่ของผม คงเดาได้ว่าผ่านศึกอะไรมาบ้าง 555+

คณะเราเริ่มลังเลครับว่าเราควรจะไปต่อหรือไม่ เพราะ จุดหมายของเราคือ หมู่บ้านกลอเซโล ซึ่ง ตั้งอยู่ใน อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน อยู่ห่างออกไปราว 21 กิโลจากจุดนี้ เท่าที่เราได้ยินได้ฟังผู้คนกล่าวถึงจุดนี้ว่าทางขึ้นยากมาก แต่ในท้ายที่สุดเราตัดสินใจที่จะไปต่อครับ แต่ทำใจกันไว้แล้วว่าถึงมืดแน่นอน!!!

กลอเซโล

ดูจากแผนที่ 21 กม. ….. 21 กม. เอง เอง เอ๊งงงงง

เมื่อตัดสินใจได้ก็เริ่มโหลดของครับ ซื้อน้ำซื้อท่าแล้วก็ไปต่อครับ ผ่านทางลาดยาง เข้าทางคอนกรีต เข้าทางฝุ่น ฝุ่น และ ฝุ่น … ขับกันนานครับ ไม่ถึงสักทีโก๋เป๋ง เนวิเกเตอร์ประจำทริป ตีไฟเลี้ยวจอดข้างทางบอกผ่านทางบูลทูธในหมวกว่า “ลงไปถามทางเถอะ กรูว่าหลงแล้ว” … เฉียบบบบบ

ลงไปถามชาวบ้าน เขาบอกว่าเลยแล้ว ให้ย้อนกลับไปทางเก่า ย้อนกลับมาได้สักพักน้ำมันรถผมมันน้อยจนเป็นกังวลครับ กลัวว่าจะไปไม่ถึง เราขี่รถมาทั้งวันเรายังไม่เจอปั๊มใหญ่ ๆ เลย ปั๊มหลออด ปั๊มขวดตอนนี้ก็ไม่เลือกแล้วครับ มีอะไรเติมได้ก็เอาไว้ก่อน …

ข้อสำคัญของการออกทริปคือเรื่องเสบียงคนและเสบียงรถ เรียนตามตรงว่าทริปนี้เราประมาทเรื่องเชื้อเพลิงของรถมากไป คิดว่าจะหาปั๊มใหญ่ได้ตลอด จนท้ายที่สุดได้ปั๊มหลอดช่วยเอาไว้

ฟ้าก็เริ่มมืด ทางก็เริ่มไต่ขึ้นเขา เส้นทางยากขึ้นตามลำดับครับ ถึงแม้ว่าเส้นทางไม่มีโคลนแล้วแต่ยังมีร่องลึกพร้อมหินลอยเตรียมท่าไว้คอยสกัดไบค์เกอร์อย่างพวกเรา จากที่ศึกษาเส้นทางกันมา เส้นทางขึ้นเข้าจะระยะไม่มากเพียงสิบกว่ากิโล

… แต่แน่นอนว่าพวกเราหลงทางระยะทางต้องมากขึ้นพอสมควร เส้นทางที่เราไปต้องขับ ๆ จอด ๆ อยู่พักใหญ่เพราะต้องเปิดปิดประตู ครับ เปิดปิดประตูจริง ๆ เป็นประตูกันวัวกันควายเดินออกนอกพื้นที่ของชาวบ้าน ประตูทำจากลำไม้ไผ่ รูดไป รูดมา

กลอเซโล

ช่วงนี้ทางเริ่มชัน มืด และ ขดเคี้ยว แน่นอนครับ ล้มกันเละเทะครับ โดยเฉพาะ รถหนักอย่าง GS 1250 ที่ขนของสำหรับพักแรมมาเต็มเหนี่ยว ผมเดาว่าน้ำหนักพร้อมของน่าจะถึง 350 กิโลกรัม

มีรถชาวบ้านขับสวนลงมาเป็นระยะ ๆ ครับ มอเตอร์ไซค์บ้าง รถใหญ่บ้าง … ช่วงสวนกันจังหวะถนนดี ๆ ก็ไม่เป็นไรดอกครับ แต่ถ้าสวนกันตอนทางแคบร่องลึกนี่สิ ลำบากหน่อย อย่างภาพด้านล่างนี้รถใหญ่สวนลงมาเร็วช่วงที่ถนนชัน จนทีมงานเราเสียจังหวะล้มแปะอยู่หน้ารถยนต์

กลอเซโล
กลอเซโล

ชาวบ้านหลายคนวิ่งลงมาจากรถเพื่อช่วยเรายกรถ ผมบอกไม่เป็นไรพี่ พวกผมจัดการได้ คนขับขออภัยที่ลงเร็ว พี่บอกเราว่า เร็วเพราะรีบ มีคนท้องจะคลอดอยู่ในรถ ทีนี้พวกผมรีบยกรถกันใหญ่โตเลย ระทึกสุด ๆ กลัวเขาไปไม่ทัน ขอให้ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกนะครับ

ผมไม่ได้นับว่าเราล้มไปคนละกี่ครั้ง แต่สำหรับเรามันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน จอดคุยกันบ้าง นั่งพักบ้าง ไม่รีบ ไม่เร่งเร้า ไม่ใช่อะไรนะครับ หมดแล้ว หมดแรง เราตกลงกันว่าจะไปต่ออีกหน่อยถ้าหมดกันจริง ๆ ก็จะหยุดเดินทางแล้วหาที่เหมาะ ๆ กางเต็นท์ค้างแรมกันเลย

คนก็จะหมดแรง น้ำมันที่เติมมาคนละเล็กละน้อยก็เหมือนจะหมด ในที่สุดเราก็เข้าหมู่บ้านสำเร็จครับ ตลอดการขับขี่สามสี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ผ่านมาหลายบ้าน หลายหมู่บ้านครับ แต่แสงไฟนั้นมืดสนิทเพราะไฟฟ้านั้นยังเข้าไม่ถึง จะเห็นแสงไฟอยู่บ้างก็เดาว่าน่าเป็นไฟจากแบตเตอรี่ที่ชาวบ้านสำรองไว้

ในถิ่นธุรกันดารของบ้านเรายังมีอีกหลาย ๆ จุดที่สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอย่างไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง ตลอดการเดินทางในทริปผมเห็นโครงการที่หน่วยงานรัฐเข้ามาพัฒนาระบบพลังงานแสงอาทิตย์อยู่ในหลาย ๆ หมู่บ้าน แต่ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับเส้นทางที่ผมผ่าน

กลอเซโล

ในที่สุดเราก็มาถึงหมู่บ้านครับ ไม่ใช่บ้านกลอเซโลแต่เป็นบ้านบุญเลอ!!! … สายตาผมเหลือบไปเห็นปั๊มหลอด คณะเรารีบตรงปรี่เข้าไปเลยครับ ผมร้องเรียกถามหาเจ้าของปั๊มท่ามกลางความมืดนั้น แล้วก็มีพี่คนขายใช้ไฟส่องกบมาขายให้ จังหวะนั้นเติมทุกคันครับ ไม่เลือกแล้ว เยอรมัน อังกฤษ ญี่ปุ่น ขอกันคนละ 3 ลิตร 5 ลิตร รถรอดแล้วเว้ยยยย

“พี่ครับ กลอเซโลไปทางไหน?” พี่เข้าชี้ไปในถนนที่มืดมิดเส้นหนึ่ง ที่เปรอะปะไปด้วยขี้วัว

“ไปอีกไกลไหมครับ?” … “ไม่ไกล ไม่ไกล อีกไม่กี่โล” พี่ตอบมาเป็นภาษาพื้นถิ่นที่พอฟังออก

จังหวะนั้นเด็กน้อยผู้ชายวัยสิบกว่า ๆ เดินฝ่าความมืดมาคาดว่าจะมาดู หรือไม่ก็มาช่วยผู้เป็นพ่อขายของ ผมจำไม่ได้ดอกครับว่าน้องหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะสายตามผมจ้องของที่น้องถือมาในมือมากกว่า!!

นี่มัน กลิ่นน้ำจิ้มสุกี้ กับกลิ่นหมูย่างที่หอมกรุ่นลอยมา สิ่งที่น้องถือมามันคือ หมูกระทะ!!! … ผมดีใจมากคะยั้นคะยอถามว่ามีขายที่ไหน ซื้อมาจากตรงไหน พวกผมอยากกินบ้างจะไปซื้อ … ผู้เป็นพ่อยิ้มกว้างแล้วตอบว่า “อ้อ เมื่อกลางวันเข้า แม่สะเรียง เลยซื้อกลับมา”

… พวกผมได้แต่มองหน้ากัน พอนึกถึงเส้นทางที่ขึ้นมาบวกกับทางดำที่ต้องไปแม่สะเรียงอีก (ทางดินทางดำรวม ราว 50 กม.) … พอเห็นภาพเส้นทางลอยมาเราก็เลิกถาม พากันเดินออกมาด้วยความเงียบงันฅ

หลังจากเดินทางออกมาจากบ้านบุญเลอไม่นานเราก็ถึงจุดกางเต็นท์บ้านกลอเซโลครับ ในที่สุดเรามาก็ถึงแล้วตอนสองทุ่มกว่า!!!

ระยะทาง 30 กม. ขี่ไป 4 ชั่วโมง ทำเวลาได้ดีมาก ๆ ถ้าเป็นหน้าฝนดินลื่น ๆ โคลนหนา ๆ การเดินทางขึ้นมาบนดอยแห่งนี้จะยากเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ผู้ที่วางแผนเดินทางในหน้าฝนโปรดระมัดระวัง แต่หน้าหนาวดินแห้งแบบนี้สบายครับ สบายแบบที่คณะผมขึ้นมานี่ล่ะครับ

กลอเซโล

มีนักท่องเที่ยวอยู่บ้างราว ๆ สิบกว่าเต็นท์ โดยมากจะขึ้นมาโดยรถ 4WD เป็นหลัก จุดกางเต็นท์ไม่มีไฟฟ้าครับ แต่มีห้องน้ำไว้บริการ หลังจากช่วยกันกางฟลายชีตเสร็จ ผมตรงดิ่งเข้าอาบน้ำ จับอะไรที่พอจะกินได้ยัดใส่ท้อง แล้วก็หลับเลยเต็นท์ก็ไม่ได้กางด้วย สวมถุงนอนแล้วหลับทันทีเลยครับ เพลียจัด ๆ

เช้ามืดราวตีห้ากว่านักท่องเที่ยวเริ่มทำกิจกรรมกันก๊อก ๆ แก๊ก ๆ ผมก็ตื่นกับเขาด้วย เริ่มออกมาเดินคุยกับคณะอื่น ได้ความว่าผมอ้อมมา น่าจะประมาณสิบกิโลจากทางที่สั้นที่สุด ถึงว่าทำไมไม่ถึงสักที และก็สงสัยว่าทำไมทางที่เรามาต้องปิด-เปิดประตูวัวบ่อยจัง นั่นเพราะว่าเรามาผิดทาง และน่าจะมีอ้อมด้วย

ค่าบริการจุดกางเต็นท์ก็ถูกมาก 50 บาทต่อคน ไม่มีจุดจ่ายเงิน แต่ใช้การมองหาชาวบ้านที่ดูแลอยู่ สังเกตไม่ยากครับคือชาวบ้านที่เดินไปเดินมานั่นล่ะ และถามเอาว่าจะจ่ายค่าบริการกางเต็นท์

แสงเริ่มสาดลงมาแล้ว ภาพตรงหน้าทำให้ยิ้มออก เพราะฉากนี้คือหมุดหมายของการเดินทางของเราในทริปนี้ “สายหมอกแห่งกลอเซโล”

กลอเซโล

จังหวะลงเนินชันเนินหนึ่ง Triumph ของผมเบรกหลังผมหายหมด เหยียบไปไม่มีเลย … เข้าเกียร์หนึ่ง คลอเบรคหน้า ลงหลุมกลาง ไถลงมาฝุ่นตลบเลยครับ อันตรายมาก ๆ ไถลงได้หลายสิบเมตร ก็หาพื้นราบพยายามจอดรถเพื่อตรวจสอบ เพราะถ้าขี่ไม่มีเบรกหลังแบบนี้กลับไม่ถึงบ้านแน่นอน

ตรวจสอบพบว่าสายน้ำมันเบรกหนังหลุดครับ รีบจับยัดเข้าไปแล้วลองเหยียบ ๆ ปั้ม ๆ เบรคดู ใช้ได้ครับ เบรกกลับมา … เฮ้อออ โล่งอกมาก ไม่อย่างนั้นได้เรียกรถมาลากกลับ กทม. แน่ … สันนิษฐานว่าเกิดจากการล้มบ่อย ๆ กระแทกแรง ๆ ตลอดทางที่ผ่านมาทำให้สายอาจจะคลอน

จังหวะขึ้นเขาที่ล้มโดยมากจะเป็นการล้มแปะ ถ้าล้มความรุนแรงของอุบัติเหตุอาจจะไม่รุ่นแรงเท่าขาลง เพราะขาลงมีความเร็ว มีการไถลลื่นตามความลาดชัน ยิ่งถ้าระบบรถมีปัญหา อุบัติเหตุยิ่งเกิดได้ง่ายขึ้น … โครมมมมม!!!! F800 เนวิเกเตอร์/มาแชลโก๋เป๋ง ร่วงไปแล้ว … ท่านหันกล่าวว่า “ล้มให้น้อง ๆ มันดูว่าล้มอย่างไรให้ปลอดภัย”

อ่อ ครับ คนปลอดภัยดี แค่ช้ำ ๆ 555+ …. รถแกมีอาการเบรคหายเป็นพัก ๆ ตั้งแต่ตอนขึ้นแล้ว (กลับมาถึงบ้านยกเข้าซ่อมทันที ตอนนี้น่าจะอยู่บนเขียง!!)

คณะที่เหลืออีก 3 คันจะเข้าเชียงใหม่ต่ออีกคืนที่ออบหลวง แต่เวลาของผมหมดแล้ว ผมขอแยกตัวเดินทางกลับระยองก่อน ขอทุกคนกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยครับ

ปิดทริป สาละวิน – กลอเซโล อย่างสวยงาม!!

กลอเซโล

จุดหมายที่เราจะเดินทางไปนั้นเป็นแรงดึงดูดให้เราออกเดินทางก็จริง แต่การที่เราจะมีความสุขสมแบบเต็มอารมณ์ได้นั้น ผมมองว่า จุดหมาย อย่างเดียวไม่พอ มันต้องมีเรื่องราวระหว่างการเดินทางเข้ามาด้วย การเดินทางที่ยากลำบากท้าทายก็ยิ่งสมอารมณ์หมาย ยิ่งเพื่อนร่วมทางรู้ใจกัน มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน ยิ่งจะทำให้การเดินทางนั้นมีสีสันที่สุกสกาวและน่าจดจำ

ทริปนี้ถือได้ว่าเป็นทริปที่น่าจดจำของพวกเรา เป็นเรื่องเล่าที่เราคงจะไปโม้กันได้จวบจนวันตาย ในความไม่สมบูรณ์ ความยากลำบาก และบั่นทอนของมัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้มันสวยงามในตัวของมันเองที่สุดแล้ว

กลอเซโล

ในบรรดาภาพถ่ายมากมายที่เราถ่ายกัน ภาพที่ผมประทับใจที่สุดไม่ใช่ภาพวิว ไม่ใช่ภาพต้นไม้ ไม่ใช่ภาพรถของพวกเรา แต่เป็นภาพนี้ครับ…ผมตั้งชื่อภาพว่า “ความรัก กับ การเดินทาง”

[ EXPLORERS ]
เป๋ง เอ็นเตอร์เทน, ตู่ เดอะวัน, ม่อน มาม่ากับปลากระป๋อง, ตั้ม สตรองแมน

ขอบคุณเรื่องราวจากม่อน มาม่ากับปลากระป๋อง (ผู้เขียน)
กับภาพที่พวกเขาบอกว่าช่วย ๆ กันถ่าย จากเพจ https://www.facebook.com/tacticalcamp/

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *