พราะความซนจากการเดินป่า…พัฒนามาสู่การโรยตัว เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะคิดแบบนี้…เวลาที่ออกไปเที่ยวป่าเที่ยวภูเขาบ่อยๆจนหลงไหล หายใจเข้าออกเป็นป่าเป็นเขา พอวันหนึ่งผ่านไปตรงไหนที่มีป่าเขาสองข้างทางให้เราเห็น มักจะมีความรู้สึกว่าที่นี่น่าเดินและน่าจะมีทางให้เดินสำรวจ หรืออยากเดินขึ้นไปสัมผัสบรรยากาศข้างบนยอดเขานั้นจัง
ผมเป็นบ่อย ชอบคิดระหว่างนั่งรถผ่านทาง เพราะความซนและความอยากรู้อยากเห็นว่าธรรมชาติที่แห่งนั้นเป็นอย่างไร จะเคยมีใครไปหรือยัง จะเป็นอย่างไรถ้าเราได้ไปยืนอยู่ตรงนั้น บางครั้งเส้นทางก็ไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป การเข้าถึงไปยังพื้นที่ลับๆที่เห็นข้างทางบางทีแค่เดินคงยังไม่พอ มันจึงพัฒนามาสู่การเดินทางเข้าพื้นที่ด้วยการโรยตัวไปยังพื้นที่ที่ไม่สามารถเดินเท้าเข้าไปได้ อย่างเช่น ถ้ำน้ำบ่อผี จังหวัดแม่ฮ่องสอน การเรียนรู้การโรยตัวและการขึ้นเชือก (SRT Single-rope technique) จึงเป็นสิ่งสำคัญและควรรู้ไว้บ้าง ผมเลยขอแนะนำสถานที่ฝึกการขึ้นเชือกและโรยตัวใกล้กรุงเทพมหานครสักแห่ง นั้นคือจังหวัดสระบุรี ลองติดตามดูครับ
เด็ก ๆ กับการฝึกการขึ้นเชือก (SRT Single-rope technique) กิจกรรมประเภทนี้ช่วยให้เด็ก ๆ มีสมาธิดีขึ้นแถมยังได้ออกกำลังกายไปในตัวอีกด้วย
ครูผู้ฝึกสอนกำลังหาเส้นทางการโรยตัวจากหัวน้ำตก ว่าจุดไหนถึงจะเหมาะสมกับผู้เรียน
ภูเขาข้างถนนที่หลายคนคุ้นตา พิกัดของหน้าผาแรกนี้คือ “ผาขุนทอง” มาจากกรุงเทพฯ หาทางกลับรถแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงงานปูนซีเมนต์นครหลวง เข้ามาประมาณ 400 เมตร คุณจะเห็นผาขุนทองยืนเด่นเป็นสง่า ความสูงจากระดับทะเลโดยประมาณ 120 เมตร ส่วนความสูงที่โรยตัวลงมาประมาณ 40 เมตร ถ้าเทียบเท่ากับความสูงของตึกละก็ประมาณตึกสูง 14 ชั้น ผาขุนทองเป็นครั้งแรกในชีวิตที่โรยตัวลงมาจากหน้าผาใหญ่ เชื่อใจใครได้บ้าง ในแววตากังวลปนความกล้าของผม ทำให้เพื่อนผู้ฝึกสอนบอกผมว่า “ขอให้เชื่อใจในเชือก พี่ค่อยๆเดินถอยหลังลงนะครับ ทิ้งน้ำหนักไปอยู่ที่ก้นเหมือนนั่งบนเชือกให้คิดว่าเชือกคือเก้าอี้ พี่ทิ้งตัวเลยครับ”
แรกๆมันก็ยากที่จะทิ้งตัว ต้องค่อยๆลองปล่อยน้ำหนักให้ไปอยู่ที่ก้น จริงครับผมลองทำตามบอกกล่าว ผมกางแขนออก ทิ้งตัวให้น้ำหนักอยู่บนเชือก เมื่อสมาธินิ่งแล้วใจสงบผมค่อยๆโรยตัวลงมาตามที่ได้เรียนเรื่องเงื่อน เรื่องหน้าที่ของอุปกรณ์แต่ละตัวใช้งานอย่างไร จากนั้นก็สู่การปฏิบัติจริง ใช้เวลาเรียนหน้างาน 1 ชั่วโมง ใช้เวลาทำใจหลายวัน ผมผ่านวันนี้ไปได้ด้วยความสุข
ความซนและ…เชื่อว่าคุณก็ทำได้ (ภาพจากการโรยตัวตรงจุดนี้ค่อนข้างถ่ายยากเนื่องจากเป็นผาตัด คราวหน้าถ้าไปอีกจะนำเสนอให้เยอะกว่านี้)
หลังจากผ่านวันแรกที่ผาขุนทอง ด้วยความสนุกสมใจนึกแล้ว สถานีต่อไปคือ โรยตัวจากผาน้ำตกภายในวัดถ้ำพระโพธิสัตว์ ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในซอยจากผาขุนทอง ขับรถตามทาง Google Map บอกเป็นระยะทาง 9.4 กิโลเมตรวันที่ไปดูสถานที่ที่จะทำการโรยตัว น้ำยังไม่มากและไม่แรง เห็นแล้วใจยังอยู่กับเนื้อกับตัว แต่พอวันจริง น้ำตกไหลแรงเหมือนโกรธใครมา น้องบางคนพูดว่าวันนี้เราคงได้แค่ยืนดู
ครูผู้เป็นเพื่อนที่สอนการโรยตัวและมากประสบการณ์เปรยขึ้นมาว่า “ไหนๆก็มาแล้ว เดี๋ยวผมหาทางให้ครับ” จากนั้นทีมงานก็เดินลัดเลาะขึ้นไปบริเวณหัวน้ำตก ความสูงไม่เกิน 10 เมตร แต่ความยากมันอยู่ที่แรงของน้ำตกที่ตกลงมากับความลื่นของหน้าผาที่มีตะไคร่เกาะ ฝนโปรยปรายมาเป็นระยะ ทีมงานยังคงไม่หยุดความพยายามที่จะหาจุดยึดเชือกกับต้นไม้ ในที่สุดก็ได้จุดยึดทางด้านขาวมือของภาพ ขอดีของการโรยตัวที่นี้คือแอ่งน้ำด้านล่างไม่ลึก และไม่อันตราย จึงเหมาะอย่างยิ่งที่ใช้เป็นสถานที่ฝึกซ้อมโรยตัวสำหรับบุคคลทั่วไป แต่การจะทำกิจกรรมประเภทนี้จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมกำกับดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะเป็นกิจกรรมที่อันตราย ซึ่งปัจจุบันก็มีหลายกลุ่มที่ชื่นชอบในกิจกรรมโรยตัวแบบนี้
ภายในวัดถ้ำพระโพธิสัตว์มีเส้นทางไปยังอ่างเก็บน้ำบ้านถ้ำน้ำพุ ช่วงหน้าฝนควรเป็นรถโฟว์วีลขับเคลื่อน 4 ล้อนะครับ ส่วนฤดูกาลอื่นๆรถอะไรก็ไปถึง บรรยากาศในบริเวณอ่างเก็บน้ำ สามารถกางเต็นท์แคมปิ้งได้ ไม่มีห้องน้ำ แต่ขออย่างเดียวสำหรับใครที่ไปใช้สถานที่นี้ช่วยกันรักษาความสะอาดด้วยนะครับ เพื่อธรรมชาติที่สวยงามจะได้คงอยู่ตลอดไป
EXPLORERS : ตู่ และ OUTDOORS DNA