ทริปเที่ยวเมืองจีนที่รู้จักแต่ไม่เคยเห็น
มณฑลยูนนานเป็นมณฑลที่ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของประเทศจีน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้มีคุนหมิงเป็นเมืองเอก ด้วยมีสภาพภูมิอากาศที่ดี อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีระหว่าง 15-18 องศา จึงทำให้ “คุนหมิง” ได้รับสมญาว่า “เมืองแห่งฤดูใบไม้ผลิ”
เมื่อรู้ตัวว่าจะต้องเดินทางมาที่คุนหมิง ในหัวคิดอยู่สองอย่างว่า ระหว่างหาข้อมูลเชิงลึกกับหาแบบคร่าวๆ จะเลือกแบบไหนดี ในที่สุดผมเลือกอย่างหลัง คือหาข้อมูลที่พอรู้ว่าจะไปตรงไหนบ้าง ที่เหลือไปตื่นเต้นกับของจริงเบื้องหน้าดีกว่า การที่ผมตัดสินใจแบบนี้อาจจะไม่ดีนัก เพราะการเดินทางต้องศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วน แต่ที่ผมเลือกแบบนี้เพราะว่า เรามีคนพาไปทุกที่พร้อมคำอธิบาย และทุกครั้งที่เราไปยังสถานที่ที่เค้ากำหนด เราจึงตื่นเต้นและว้าวตลอดเวลา
ทริปนี้เราเริ่มต้นกันที่นครคุนหมิง นอกจากเป็นเมืองแห่งฤดูใบไม้ผลิแล้ว คุนหมิงยังเป็นเมืองที่มีการขุดค้นพบไดโนเสาร์เยอะมาก จะว่าไปที่เมืองลู่เฟิง (Lufeng) ถึงกับได้รับการขนานนามว่าเป็น “บ้านของไดโนเสาร์” (Dinosaur Home) และเป็นหนึ่งในแหล่งขุดค้นทางบรรพชีวินวิทยาที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยครับ เห็นได้ว่าเมื่อเครื่องบินลงจอดแล้วผ่านพิธีการเรียบร้อย เดินออกมาจะพบไดโนเสาร์ตัวโตรอต้อนรับท่านอยู่ด้านหน้า นี่แหละครับคือความภูมิใจของคนยูนนาน เราพักเรื่องไดโนเสาร์ก่อน และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ทางเจ้าหน้าที่ที่เมืองจีนอยากชวนพวกเราไปเปิดหูเปิดตาชนิดที่ว่าไม่ทันตั้งตัวกันทีเดียว เกรงว่าเดี๋ยวมันจะดึกเกินไป
เที่ยวย่านชมเมือง

ชมตลาดดอกไม้
คุณแป้น-ดร.จารุวรรณ อุดมทรัพย์ ผู้ชักชวนให้ร่วมทริปบอกกับผมว่าจะพาไปสำรวจตลาดดอกไม้กลางคืน ตลาดแห่งนี้เปรียบเหมือนปากคลองตลาดบ้านเราแต่…ที่นี่ใหญ่กว่าบ้านเรามาก ความน่าสนใจมันอยู่ที่ว่า ครั้งหนึ่งสถานที่แห่งนี้เคยเป็นหมู่บ้านและชุมชนของคนที่มีอาชีพชาวสวนปลูกไม้ดอกไม้ประดับมาก่อน จนรัฐบาลเข้ามาดูแลและจัดสร้างอาคารให้เป็นพื้นที่ส่วนกลางเพื่อซื้อขายอย่างจริงจัง จัดได้ว่า ตลาดดอกไม้โต่วหนาน (Dounan Flower Market) เป็นศูนย์กลางกระจายดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากเนเธอร์แลนด์เท่านั้น ที่นี่คุณจะได้เห็นการประมูลดอกไม้ที่คึกคักราวกับตลาดหุ้น และดอกไม้นานาพันธุ์ในราคาที่ถูกจนน่าตกใจ


ในช่วงเวลากลางคืน คุณแป้นบอกกับเราว่าเค้าจะขายดอกไม้ โดยเฉพาะดอกกุหลาบแต่ใช่ว่าจะมีเพียงกุหลาบ ดอกลิลลี่ และดอกไม้ชนิดอื่นๆก็มีให้เห็น เมื่อเดินเข้าไปในตัวอาคาร สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือความหอมจากดอกไม้ที่แข่งกันปล่อยกลิ่นเพื่อเรียกลูกค้า ส่วนกลางวันนั้นจะเป็นพวกไม้ประดับ เพราะยูนนานเป็นแหล่งผลิตดอกไม้ที่กระจายไปทั่วโลก ดอกไม้ของที่ยูนนานจึงเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ


ระหว่างที่เดินเข้าไปชมภายในตัวอาคารท่ามกลางอุณหภูมิ 7 องศา ผมก็ละลานตาไปกับดอกไม้นานาพันธุ์ สนุกกับการถ่ายภาพ ชาวสวนที่นี่ไม่ห้ามที่จะขอเขาถ่ายภาพ เพียงบอกเขาสักนิด ความคึกคักในช่วงเวลาสี่ห้าทุ่มนี้เหมือนเพิ่งจะเริ่มต้น อุณหภูมิก็ค่อยๆลดต่ำลง เรายังคงสาละวนกับการเก็บภาพและบรรยากาศต่อไป “เดี๋ยวเสร็จจากตรงนี้เราไปรับประทานไหตี่เลา กันค่ะ” คุณแป้นแจ้งกับพวกเราทุกคนอีกครั้ง กับประสบการณ์กิน ไหตี่เลาตอนตีหนึ่ง ในเมืองที่เป็นเหมือนบ้านเกิดของอาหารประเภทหม้อร้อนแบบนี้




Best View Gull Point
ผมไม่รู้ว่านกนางนวลที่นี่กับนกนางนวลที่บางปูรู้จักกันหรือไม่ เพราะทราบมาว่านกนางนวลปากแดงที่นี่อพยพหนีหนาวมาจากไซบีเรีย นกที่บางปูก็เหมือนกัน ที่นี่คือ “เขื่อนไฮกัง” (Haigeng Dam) หรือที่หลายคนเรียกติดปากว่า Gull Point แห่งทะเลสาบเตียนฉือ (Dianchi Lake) ทางเดินเลียบทะเลสาบท่ามกลางฝูงนกนางนวลอพยพ คิดเล่นๆว่านี่คงเป็นนกส่วนหนึ่งที่บินไม่ไหวขอพักตรงนี้แล้วกัน ใครไหวไปต่อก็คงเป็นนกส่วนหนึ่งที่บางปูบ้านเรา ซึ่งก็ล้วนเป็นนกอพยพเช่นกัน เดือนที่นกนางนวลเยอะที่สุดก็จะอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม นกนางนวลปากแดงพวกนี้จะอยู่ที่จุดนี้เยอะที่สุด และอาหารที่พวกมันโปรดปรานก็จะเป็นขนมปัง เพียงวางใส่ในมือ เจ้านกพวกนี้ก็พร้อมจะบินโฉบเฉี่ยวมากินทันที ผมไม่รู้ว่าใครเป็คนช่างคิดว่านกที่นี่ชอบหรือไม่ชอบอะไร อย่างนกนางนวลที่บางปูผมเห็นแม่ค้านำเอาหนังไก่ทอดกับกากหมูมาขายเพื่อให้นกนางนวลกิน มือผู้ให้จึงมันแพร็บ สุดท้ายปลายทางของการให้อาหารคือภาพถ่ายนกที่กำลังจิกอาหารจากมือนั่นคือที่สุดของการเดินทางมาชมนกนางนวลทั้งที่ Gull Pointและบางปู ที่สำคัญให้ระวังของขวัญจากฟากฟ้าครับ “ขี้นก” ไง


ตลาดหลัวซือวาน
เสร็จจากให้อาหารนกนางนวลปากแดงในตอนเช้า เราไปกันต่อที่ Luosiwan International Business and Trade City Market Management Co., Ltd. หรือเรียกสั้นๆว่า “หลัวซือวาน” ที่นี่เป็นแหล่งรวมสินค้าหลากชนิดและเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของมณฑลยูนนานและภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน โดย มีบทบาทหลักในการบริหารจัดการอาณาจักรค้าส่งที่ใหญ่ติดอันดับโลก เดิมทีตลาด “หลัวซือวาน” อยู่ในตัวเมืองคุนหมิง แต่ไม่เพียงพอต่อความต้องการจึงมีการขยายตลาดซึ่งก็คือที่ตั้งในปัจจุบันนี้

ภายในตลาด “หลัวซือวาน” มีสินค้าแบ่งไว้เป็นหมวดหมู่ เช่นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย, ของใช้ในบ้านและของตกแต่ง, สินค้าเบ็ดเตล็ดทั่วไป ด้วยความที่มันใหญ่โตมากจึงมีคำกล่าวที่ว่า “หากคุณแวะเข้าชมร้านค้าแต่ละร้านเพียงแค่ร้านละ 5 นาที คุณต้องใช้เวลาหนึ่งปี ถึงจะเข้าครบทุกร้าน”

และสำหรับคุณผู้อ่านที่กำลังมองหาสินค้าสักตัวเพื่อนำมาขายสร้างรายได้เสริมหรือรายได้หลัก ขอแนะนำให้ลองมาดูที่นี่ครับ

เที่ยวย่านหนานผิง
ย่านการค้าที่เก่าแก่และทันสมัยที่สุดในคุนหมิง แหล่งรวมแบรนด์เนมระดับโลกและแบรนด์ดังของจีน ในขณะที่ถนนเป็นหินกรวดเก่าแก่ แต่หากมองขึ้นไปตามตึกคุณก็จะพบจอ LCD ใหญ่โต เป็นการผสานระหว่างเก่าใหม่ได้อย่างลงตัว


ลองเดินตามตรอกซอกซอยสายถ่ายภาพแนวสตรีทต้องชอบย่านนี้ เราเดินมาถึงบ้านเก่าของเนี่ย เอ่อ ผู้ประพันธ์ทำนองเพลง “มาร์ชทหารอาสา” ซึ่งต่อมากลายเป็นเพลงชาติของสาธารณรัฐประชาชนจีนในปัจจุบัน เป็นบ้านไม้สองชั้น สถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณในสมัยราชวงศ์ชิง (ตอนปลาย) – ต้นสาธารณรัฐจีน ซึ่งยังคงสภาพที่สมบูรณ์และได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีท่ามกลางตึกสูงรอบย่านหนานผิง ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กที่จัดแสดงประวัติชีวิต ผลงาน เครื่องดนตรี และของใช้ส่วนตัวของเขา เพื่อเป็นเกียรติแก่ศิลปินผู้รักชาติท่านนี้ ให้เข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

นั่งรถไฟความเร็วสูง
เพราะเมืองจีนเป็นประเทศที่กว้างใหญ่มาก การเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งจึงต้องย่นเวลาให้ได้มากที่สุด นอกเหนือจากนั่งเครื่องบินแล้ว รถไฟความเร็วสูงนับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง และเป็นประสบการณ์การเดินทางที่สนุกตื่นเต้น
จากคุนหมิงไปเมืองต้าลี่ ระยะทางโดยประมาณ 350 กิโลเมตร รถไฟความเร็วสูง ช่วยย่นเวลาเหลือเพียง 1ชั่วโมง 45นาที ค่าตั๋วรถไฟอยู่ 145 หยวนแต่คุณจะต้องจองล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชั่น 12306 ซึ่งเป็นแอปทางการของรถไฟจีน หรือจะจองผ่าน Trip.com ก็ได้ และที่สำคัญคุณจะต้องมีพาสปอร์ตติดตัวไปด้วยทุกการเดินทาง และต้องเผื่อเวลาในการเดินทางไปสถานีรถไฟด้วยเพราะคนเยอะมาก อาจจะต้องใช้เวลาในการเข้าสถานีพอควร

เสน่ห์ธรรมชาติเอ๋อไห่และวัฒนธรรมโบราณที่ต้าลี่
หากเปรียบคุนหมิงเป็นเมืองหลวงที่มากไปด้วยแสงสีและความคึกคัก ต้าลี่คือเมืองแห่งการพักผ่อนที่อยู่ท่ามกลางขุนเขาชางซาน (Cangshan) และทะเลสาบเอ๋อไห่ (Erhai Lake) เป็นเมืองที่เที่ยวได้ทั้งปีจริงๆ

ที่ทะเลสาบเอ๋อไห่ เป็นสถานที่ที่นักวิ่ง นักปั่นจักรยานต้องชอบเพราะมีเส้นทางและบรรยากาศดีๆ เหมาะกับการออกกำลังกาย ส่วนสายถ่ายภาพที่ทะเลสาบเอ๋อไห่ก็มีวิวสวยๆ พร้อมให้คุณได้เก็บบันทึกความสุขความทรงจำแบบไม่อั้นทีเดียว แต่ถ้าใครอยากจะวิ่งรอบทะเลสาบก็อาจจะต้องวางแผนดีๆ เพราะว่าระยะทางความยาวรอบทะเลสาบประมาณ 116 กิโลเมตร แต่เส้นทางปั่นจักรยานที่นิยมอาจมีระยะทางแตกต่างกันไปตามเส้นทางที่เลือก เช่น เส้นทางปั่น 1 วัน ประมาณ 46 กม. (ฝั่งตะวันตก) หรือเส้นทางปั่นครบรอบทะเลสาบเต็มวงประมาณ 128-150 กม. สำหรับทริป 2 วัน

ต้าลี่ไม่ได้มีแค่ทะเลสาบเอ๋อไห่ แต่ที่นี่เคยเป็นอาณาจักรน่านเจ้าในอดีตที่ผ่านมาแล้วนับพันปี เราคงคุ้นเคยหรือได้ยินมาบ้างเกี่ยวกับอาณาจักรน่านเจ้า ที่เมืองต้าลี่นี่แหละเป็นจุดศูนย์กลางของอาณาจักรเลย การเดินเที่ยวชมหมู่บ้านโบราณเหมือนได้ย้อนเวลาไปในอดีต สถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมยังคงอยู่ นอกจากอาคารบ้านเรือนแล้ว สิ่งที่หลงเหลืออยู่ในชุมชนเมืองโบราณต้าลี่ก็คือชนชาติพื้นเมืองชาวไป๋ (Bai) สวมใส่ชุดพื้นเมืองสีขาว มีลวดลายศิลปะที่งดงามเฉพาะตัวเดินสวนไปมาในเมือง




ตลอดทางที่เดินเล่นในเมืองเก่าเราสังเกตเห็นธารน้ำใสใหลเคลียคลอตลอดทางเดิน ทราบมาว่าเป็นน้ำที่ไหลมาจากยอดเขาชางซาน และดูจากเส้นทางน้ำแล้วบ่งบอกถึงการวางผังเมืองในอดีตที่ผ่านมาแล้วนับพันปี ส่งต่อมาถึงปัจจุบัน จินตนาการไม่ออกเลยว่าตอนนั้นเขาคิดได้ยังไง



ทุกครั้งที่มาต่างบ้านต่างเมือง ผมจะไม่พลาดไปเที่ยวชมตลาดสดตอนเช้า มันจะมีคำพูดที่ทำให้คิดถึงเสมอว่า “หากเราอยากรู้ว่าวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ กินอยู่อย่างไรให้เดินตลาด” ผมว่าจริง เราเห็นความหลากหลายของผู้คนที่เดินจับจ่ายใช้สอย เราได้พบเห็นวัฒนธรรมการกินการใช้ชีวิตที่แตกต่างจากสิ่งที่คุ้นเคย ตลาดสดต้ากวนอี้ เมืองต้าหลี่ เป็นหนึ่งในตลาดสดขนาดไม่ใหญ่มาก ที่อยู่ไม่ไกลจากที่พัก ทำให้เราสามารถออกมาเดินเล่นยามเช้าได้ ได้เห็นผักสดหน้าตาแปลก บางชนิดไม่แปลกแต่ใหญ่โตกว่าบ้านเรานักได้ลองกินบัวลอยน้ำข้าวหมาก เปิดประสบการณ์ใหม่ที่เลือกกินบัวลอยไม่ใช่อะไร จริงๆมันคือบัวลอยน้ำขิงเหมือนเมืองไทย เพียงแต่ที่นี่เค้าใช้น้ำข้าวหมากกับน้ำตลามทรายแดง ซึ่งคุณจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ แต่ผมเลือกใ่ส่ ทำให้รสชาติแบบแปลกๆ ยิ่งใส้ของบัวลอยด้วยแล้วหวานกลมกล่อมไปกับน้ำข้าวหมากจริงๆ
นั่งรถไปลี่เจียงเตรียมพร้อมขึ้นเขามังกรหยก

เมืองโบราณลี่เจียง (Lijiang Ancient Town preserves traditional)
ระยะทางกว่า 160 กิโลเมตรจากเมืองต้าลี่มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปสู่เมืองลี่เจียง ที่นี่มีเมืองโบราณอายุกว่า 800 ปี เป็นเมืองที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เส้นทางเดินหินกรวด ผังเมืองเหมือนเขาวงกต เดินไปเดินมาก็วนมาที่เดิม มีธารน้ำไหลประดับประดาด้วยดอกไม้สีสวย เป็นแหล่งที่กินที่พักที่น่าหลงใหลมาก ที่สำคัญอีกอย่างคือที่นี่เขาเอาสายไฟลงดินหมดแล้ว ทำให้ทุกการถ่ายปราศจากสิ่งที่ทำให้รำคาญสายตา และอยากให้นักท่องเที่ยวได้เดินเที่ยวแบบย้อนยุคจริงๆ




ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ในปี 1997 มีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดมาก ดังนั้นการซ่อมแซมอาคารต่างๆ ต้องใช้ไม้ หิน และกระเบื้องตามแบบโบราณเท่านั้น และเป็นเมืองเดียวในจีนที่ ไม่มีกำแพงเมือง มีสะพานหินโบราณมากกว่า 350 แห่ง ที่ทอดข้ามลำธารเล็กๆ ทั่วเมือง คุณแป้นถามผมว่ารู้สึกอย่างไรเมื่อมาเดินที่เมืองโบราณลี่เจียง (Lijiang Ancient Town preserves traditional) ผมตอบว่า “เวลาที่เดินเล่นในเมืองที่มีประวัติศาสตร์แบบนี้ มักคิดว่าตัวเองเป็นจอมยุทธที่กำลังเดินหาโรงเตี๊ยมสักที่ที่เอาพักในค่ำคืนนี้” มันน่าสนุกนะถ้าจินตนาการว่าสะพานหินตรงนี้เมื่อ 800 ปีที่แล้ว ใครกำลังทำอะไรอยู่

ภูเขาหิมะมังกรหยก (Jade Dragon Snow Mountain)
จากเมืองโบราณลี่เจียงซึ่งเป็นที่พักแรมของจอมยุทธอย่างผม นั่งรถไปยังภูเขามังกรหยกเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น แต่สิ่งที่มากไปกว่านั้นคือ อากาศที่หนาวเย็น ที่ทะลุผ่านเสื้อผ้าที่สวมใส่ไป บอกเลยว่าถ้าหากคุณจะมาที่ลี่เจียง จงเตรียมตัวเรื่องเสื้อผ้าให้ดีเพราะที่นี่จะอยู่สูงจากระดับทะเล 2400 เมตรโดยประมาณ ดังนั้นอากาศจะเย็นและแสงแดดจะแผดเผากว่าที่คุนหมิงและต้าลี่

เมื่อมาถึงอุทยานภูเขามังกรหยก เราจะต้องขึ้นรถไฟรางเบา รถไฟใหม่เอี่ยมที่วิ่งตรงไปยังประตูทางเข้าอุทยาน วิวระหว่างทางสวยมากครับ เมื่อลงจากขบวนรถไฟแล้วก็ต้องมาซื้อตั๋วเข้าอุทยานแล้วนั่งรถบัสของอุทยานไปยังจุดขึ้นเคเบิ้ลคาร์ สิ่งที่คุณต้องเตรียมคือ ออกซิเจนกระป๋องซื้อจากในเมืองจะถูกกว่า หลังจากลงจากเคเบิ้ลคาร์ที่ความสูง 4,506 เมตรแล้ว หากคุณต้องการไปที่จุดสูงสุดสำหรับนักท่องเที่ยวที่ 4,680 เมตร คุณต้อง “เดินเท้า” ขึ้นบันไดไม้ต่ออีกประมาณ 174 เมตร (ความสูงในแนวดิ่ง) จุดนี้อากาศเบาบางมาก แนะนำให้เดินช้าๆ และสูบออกซิเจนกระป๋องเป็นระยะครับ มันจะมีอาการเวียน เซๆ แต่ถ้าใครหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติขอให้รีบหยุดพักแล้วหาทางลงครับอันตรายมากๆ



การเดินทางมาที่อุทยานภูเขามังกรหยกครั้งนี้มันทำให้ผมได้เรียนรู้ว่า การแพ้ความสูง กับกลัวความสูงมันคนละเรื่องกัน และมันยังทำให้ผมได้เรียนรู้อีกว่า ถ้าหากคราวหน้าใครมาชวนไปเอเวอเรสต์ ผมจะได้ตอบทันที่ว่า “ไม่ไป” เพราะขนาดภูเขามังกรหยกสูง 4,680 เมตร ครึ่งหนึ่งของเอเวอเรสต์ ผมยังแทบแย่เลย สูงกว่านี้จะเหลือเหรอ แต่ก็นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากที่ได้มาร่วมทริปและขอบอกอีกครั้งว่าเป็นบุญตาจริงๆ สวยแบบตะโกนของแท้

วัฒนธรรมน่าซี (Naxi Culture)
ลี่เจียงเป็นถิ่นฐานของชาวน่าซี ที่มีอักษรภาพ “ตงปา” (Dongba) และยังมีการใช้งานอยู่จริงเป็นแห่งเดียวในโลก คุณจะเห็นอักษรเหล่านี้ประดับอยู่ตามเมืองและของที่ระลึก ชาวน่าซี่อยู่อาศัยแถวที่ราบเชิงเขามังกรหยกมาช้านาน และชินกับอากาศหนาว ผิวสีจะออกดำแดง โครงหน้าชัดเจน


จริงๆแล้ววิถีชาวน่าซีก็ออกจะคล้ายคลึงกับเราอยู่บ้างอย่างการทำน้ำเต้าหู้ การเลี้ยงสัตว์อย่างหมูก็จะเลี้ยงอยู่ใต้ถุนบ้าน หรือคอกสัตว์ข้างบ้าน วัฒนธรรมน่าซีอีกอย่างที่ผมชอบคือตัวอักษรตงปาครับ ซึ่งมันเป็นรูปภาพที่เราอาจจะจินตนาการและเดาได้ว่าพูดถึงอะไร นอกจากตัวอักษรตงปาที่ใช้ต่อเนื่องถึงทุกวันนี้บ้านของชาวน่าซีจะสร้างด้วยหินและยาแนวด้วยดินซึ่งเป็นอีกหนึ่งภูมิปัญญาที่เรายังได้เห็นในปัจจุบัน ถึงแม้นว่าบ้านบ้างหลังในชุมชนจะเปลี่ยนไปบ้างแต่มองจากภายนอกนั้นเหมือนเดิมทุกอย่าง


ชาวน่าซีส่วนหนึ่งอยู่ที่หมู่บ้านที่ราบเชิงเขามังกรหยก ส่วนหนึ่งอยู่ในเมืองโบราณลี่เจียง จะว่าไปแล้วชาวน่าซีนับว่าเป็นพลเมืองหลักของลี่เจียงก็ได้ จุดสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือบนสันหลังคาบ้านของชาวน่าซีจะมีหุ่นหรือตุ๊กตาแมวอ้าปากเพื่อดูดกินสิ่งชั่วร้าย เปรียบเสมือนผู้พิทักษ์บ้านที่คอยเฝ้าอยู่จุดสูงสุด ในขณะเดียวกันปากที่กว้างยังหมายถึงการ “เขมือบโชคลาภ” และเงินทองให้ไหลเข้ามาในบ้าน โดยที่ท้องของแมวจะทำเป็นโพรงกลวง สื่อถึงการเป็นคลังเก็บสมบัติที่ไม่มีวันเต็มนั่นเอง

5 คืน 6 วันกับทริปเที่ยวยูนนานเต็มอิ่มกับธรรมชาติ วัฒนธรรมและบรรยากาศ หากคุณกำลังมองหาที่ท่องเที่ยวแบบฟีลหิมะ ใส่เสื้อกันหนาวหลากสีสัน แนะนำเลยครับ มายูนนาน คุนหมิง ต้าลี่ ลี่เจียง เที่ยวแบบไต่ระดับความสูง จริงๆครับ เพราะทริปนี้เมื่อมาถึงเราอยู่คุนหมิงซึ่งจะอยู่ต่ำกว่าต้าลี่และลี่เจียง เพื่อเป็นการให้ร่างกายค่อยๆปรับตัว แล้วเก็บเอาลี่เจียงซึ่งสูงกว่าเพื่อนไว้เที่ยววันท้ายๆ ที่สำคัญฟรีวีซ่า เข้าด่านพิธีการไม่ยุ่งยาก และมีการกรอกเอกสานออนไลน์สำหรับเข้าเมือง รวดเร็วมาก จองตั๋วเลยสิครับรออะไร
EXPLORERS: ตู่, ออโต้
PHOTOGRAPHER: ออโต้-ณัฐวรรธน์ ไทยเสน

