ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และธรรมชาติรอบลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่สะท้อนจิตวิญญาณของไทย ผ่านทุนวัฒนธรรมที่ผสมผสานกับมรดกทางธรรมชาติ ศิลปะ และวัฒนธรรมวิถีชุมชนของพื้นที่ในแบบ The Soul of Thailand
ดังนั้นเมื่อพูดถึง “ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา” ภาพแรกที่อาจลอยขึ้นมาในใจของใครหลายคนคือสายน้ำที่กว้างใหญ่ที่เชื่อมผู้คนกับวิถีประมงมาเนิ่นนาน แต่เมื่อเราได้ก้าวลงไปสัมผัสจริง ๆ สิ่งที่เจอกลับมากกว่านั้น มันคือจิตวิญญาณของผู้คนที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตแบบเดิมไว้ พร้อมสอดแทรกความคิดสร้างสรรค์ให้การท่องเที่ยวครั้งนี้ไม่ใช่แค่ “ไปเที่ยว” แต่เป็นการได้เรียนรู้ ได้มีส่วนร่วม และได้กลับมาพร้อมความทรงจำดี ๆ

คืนแรกที่เกาะหมาก อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง
การเดินทางเริ่มขึ้นที่ เกาะหมาก เกาะใหญ่ในทะเลสาบสงขลาตอนกลาง ที่สงบ เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าของคนทำประมง เป็นพื้นที่ที่นักโบราณคดีค้นพบหลักฐานสำคัญของ มนุษย์ยุคหินใหม่ (Neolithic Age) โดยเฉพาะ “ขวานหิน” ที่บ้านแหลมกรวด แน่นอนเราเข้าพักที่ชมดาว ลานยอ เหตุผลที่พักที่นี่เพราะว่า คุณคิม-คิมหันต์ สุวรรณเรืองศรี ประธานกลุ่มท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลเกาะหมากได้รวบรวมกิจกรรมของชุมชนชาวบ้านมาไว้ที่นี่เป็นหนึ่งเดียว ทำให้สร้างรายได้เสริมให้กับชาวบ้าน ฉะนั้นการมาพักที่นี่จึงเป็นเหมือน One Stop Service มาที่เดียวเที่ยวครบ


ที่ชมดาว ลานยอเป็นพื้นที่ที่เปลี่ยนให้ค่ำคืนธรรมดากลายเป็นเวทีของศิลปะและวิถีชีวิต เพราะเมื่อคุณมาถึงและพักให้หายเหนื่อย เขามีกิจกรรมที่คิดขึ้นกันเองในชุมชนเพื่อต่อยอดสิ่งที่มีในพื้นที่อย่าง ประติมากรรมทราย ที่พี่พิชัย จันทร์สว่าง ใช้ทรายท้องถิ่นมาสร้างสรรค์ให้เกิดลวดลาย ทั้งยังเพิ่มมูลค่าจนกลายเป็นงานศิลปะที่ทั้งงดงามและมีเอกลักษณ์ อีกกิจกรรมที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือการ ทำไข่เค็มในหิน ภูมิปัญญาที่เกิดจากจิตวิญญานโดยแท้จริง ด้วยการนำวัตถุดิบที่มีในท้องถิ่น มาเพิ่มมูลค่า โดยใช้กรวดทรายล้าง แกลบเผา และดินจอมปลวกผสมเกลือ มาใช้แทนดินสอพองทำให้ไข่แดงมีรสชาติมันกว่าปกติ



หลังจากนั้น ลมเย็น ๆ จากทะเลสาบพาเราล่องเรือออกไป ชมวิวทะเลสาบ ได้ลอง “ยกไซกุ้ง” ของจริงเครื่องมือหาปลาที่อยู่คู่ทะเลสาบมานาน กุ้งที่ได้ถูกนำกลับมาเป็นมื้อเย็น พร้อมวิวดวงอาทิตย์ที่ค่อย ๆ ลับขอบฟ้า เป็นภาพความประทับใจกลางทะเลสาบสงขลา ยากจะลืม




เช้าวันใหม่ ปั่นจักรยานเบา ๆ สูดอากาศเต็มปอด
เช้า ๆ ที่เกาะหมาก ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการ ปั่นจักรยานชมวิว รอบชุมชน แวะทักทายผู้คนที่กำลังออกไปหาปลา สูดอากาศที่สดชื่นให้เต็มปอดแล้วกลับมาเตรียมตัวลงเรือไปสำรวจเกาะกระ เกาะกลางทะเลสาบที่มีเส้นทางเดินเทรลสั้น ๆ และมีมุมถ่ายภาพที่ใครเห็นก็ต้องว้าว นั่งเรือไปกลับใช้เวลาประมาณสักสองชั่วโมง เมื่อมาถึงฝั่งก็ได้เวลาอาหารเที่ยงพอดี อาหารสุ่มใส่ในปิ่นโตแบบบ้าน ๆ ความสนุกมันจะอยู่ที่ว่าคุณจะไม่รู้เลยว่าอาหารข้างในเป็นอะไร แต่บอกเลยว่าอร่อยทุกเมนู อาหารที่นี่เขาให้ชาวบ้านทำมาส่งใครอยากทำเมนูอะไรก็ตามใจ ฉะนั้นรับประกันความไม่เหมือน หลังจากเติมพลังเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปกันต่อ


เมืองเก่าสงขลา หัวใจของมรดกวัฒนธรรม
จากทะเลสาบสงขลาตอนกลาง เรามุ่งหน้าสู่ทะเลสาบสงขลาตอนล่าง “เมืองเก่าสงขลา” เมืองเล็ก ๆ ริมทะเลที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ซ่อนอยู่ทุกซอกมุม หมุดหมายแรกอยู่ที่ ชุมชนหัวเขา ดินแดนของภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่นี่มี วิสาหกิจชุมชนสตรีชุมชนตำบลหัวเขา โดยมีคุณเนตร-พีระเนตร บุญณะสิทธิ์ ประธานกลุ่ม เปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยกิจกรรมสนุก ๆ ทั้งการทำ ผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ และการลองปอกมะม่วงเบา ผลไม้พื้นถิ่นรสเปรี้ยวกลิ่นหอมจากธรรมชาติ ที่ไม่เพียงแต่เป็นของกินเล่นขึ้นชื่อ แต่ยังกลายเป็น สินค้า GI (Geographical Indication) ของสงขลาอีกด้วย

หลังเสร็จกิจกรรม ที่นี่ยังมีของฝากที่น่าซื้อกลับบ้าน ทั้ง แยมมะม่วงเบา รสเปรี้ยวหวาน น้ำมะม่วงเบา ดับกระหาย มะม่วงเบาแช่อิ่ม เคี้ยวเพลิน หรือแม้แต่ ผ้าเช็ดหน้าจากผ้ามัดย้อมที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

จากวิสาหกิจชุมชนสตรีชุมชนตำบลหัวเขา เราออกเดินทางต่อ นั่งรถชมเมืองเพื่อซึมซับบรรยากาศ จินตนาการถึงอดีตที่ผ่านมา ครั้งยังปกครองด้วยดาโต๊ะ โมกอล เจ้าเมืองสงขลาคนแรก สิ่งแรกที่สะดุดตาคือ ป้อมเก้าและกำแพงเมืองเก่า ที่ยังคงตั้งตระหง่านอยู่ ว่ากันว่าที่บริเวณนี้เคยเป็นเมืองยุคแรกของสงขลา จากซากป้อมปราการเก่า และกำแพงเมือง บอกเล่าความรุ่งเรืองในอดีตของเมืองท่าแห่งนี้ ย้อนกลับไปหลายร้อยปีก่อน สงขลาเคยเป็นศูนย์กลางการค้าทางทะเล เชื่อมโลกตะวันออกกับตะวันตก เรือสินค้านานาชาติทั้งจีน แขก มลายู และตะวันตกต่างแวะเวียนมา ทำให้เมืองนี้เต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่ผสมผสานกันอย่างกลมกลืน


เมื่อรถเคลื่อนตัวข้ามสะพานติณสูลานนท์ เราจะเห็นเกาะยออยู่ด้านขวามือของเรา ที่นี่ก็มีเรื่องราวของชุมชนที่น่าสนใจไม่แพ้หัวเขา หากแต่ครั้งนี้เราไม่ได้แวะไปเยือนเท่านั้นเอง รถยนต์เคลื่อนตัวนำเราเข้าสู่ย่านที่เต็มไปด้วยสีสันสมัยใหม่อย่าง สตรีทอาร์ต ภาพวาดบนผนังเล่าเรื่องราวของวิถีชีวิตผู้คนสงขลา ตั้งแต่ภาพชาวบ้านนั่งกินกาแฟในร้านกาแฟยามเช้าที่ถนนรามัญ และภาพนี้เป็นภาพแรกของสตรีทอาร์ต จนถึงสถาปัตยกรรมชิโน-ยูโรเปียนที่ยังคงหลงเหลือให้เห็น บรรยากาศแบบนี้ทำให้รู้สึกเหมือนเรากำลังเดินอยู่ระหว่าง “อดีตกับปัจจุบัน” จนรู้สึกได้ว่าสงขลา…เมืองเก่าที่ไม่เคยหยุดนิ่ง เป็นเมืองที่ยังคงเคลื่อนไหวตลอดเวลา


จะว่าไปเมืองเก่าสงขลาไม่ใช่แค่สถานที่ท่องเที่ยว แต่คือ พิพิธภัณฑ์มีชีวิต ที่บอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่ยุคค้าขายทางทะเลจนถึงศิลปะร่วมสมัยในปัจจุบัน ทุกก้าวที่เดินจึงไม่ใช่เพียงการชมเมือง แต่เป็นการสัมผัสไปถึงจิตวิญญานของผู้คนที่พบเจอ และที่นี่มรดกทางวัฒนธรรมยังคงรอต้อนรับนักเดินทางอยู่เสมอ


รสชาติจากชุมชน
เดินเที่ยวเล่นไปตามตรอกซอกซอยของเมืองเก่าสงขลา เหมือนเดินดูพิพิธภัณฑ์ที่มีทั้งความเก่าและใหม่ผสมผสานกันในทุกมิติ เมื่อเดินจนเหนื่อยการได้สัมผัสรสชาติจากชุมชนผ่านอาหารที่ปรุงโดยคนท้องถิ่นอย่างที่ร้าน Lyn’s The Shanghai Cafe’-ลิน เดอะ เซียงไฮ้ คาเฟ่ ของเชฟอิงค์-มกรธวัช กุลหทัย คนดนตรีที่ผันตัวเองมาบรรเลงเรื่องอาหารแทนเสียงเพลงด้วยการนำวัตถุดิบจากท้องถิ่นมารังสรรค์เมนูใหม่ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับเกษตรกรในพื้นที่ และเป็นการต่อยอดเมนูท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในระดับโลก อย่างเช่นเมนู ข้าวแกงคั่วเห็ดแครง หมูทอด มังสวิรัติ น้ำพริกเผายูนนาน , ข้าวคลุกน้ำพริกปลาจิ้งจ้าง ไข่ครอบ ไก่กรอบ , ทิมเบอร์ริง ไอศกรีมจำปาดะ ซอสละมุด เกาะยอ และกล้วยหินย่างน้ำผึ้ง เพียงเท่านี้ก็ทำให้หนังท้องตึงได้ไม่ยากครับ

สักครั้งที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา
เพราะเราไม่อยากให้คุณแค่เดินเล่นแล้วถ่ายรูปสวย ๆ แต่เราอยากให้คุณได้สัมผัสถึง ชีวิต ผู้คนที่พบเจอ จนถึงการได้กินของอร่อย จากท้องถิ่น ได้เห็นวิถีประมงที่ยังคงหายใจอยู่ในทุกเช้า ได้ร่วมสร้างสรรค์งานศิลปะจากทรัพยากรธรรมชาติ ได้สัมผัสมรดกทางวัฒนธรรมที่ถักทอจากรุ่นสู่รุ่น นั่นแหละคือการ “ซึมซับจิตวิญญาณของผู้คนอย่างแท้จริง”
Songkhla’s Living Heritage จึงไม่ใช่แค่คำที่สวยหรู แต่คือการบอกเล่า “ตัวตนของคนลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา” ที่สะท้อน The Soul of Thailand ได้อย่างงดงาม
ถ้าใครกำลังหาที่เที่ยวที่ดีต่อใจ และอยากใช้ทุกบาทที่จ่ายไปเป็นพลังสนับสนุนคนในชุมชน… ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาคือคำตอบที่คุณต้องมาอย่างน้อยสักครั้งในชีวิต
EXPLORERS: ตู่, ติ๊ก, ปุ๊กกี้, ปิง, ฟาง,นัท, กิ๊บ
PHOTOGRAPHER: ฟาง-อภินัยน์ ทรรศโนภาส
GRAPHIC DESIGNER: ตูน-เรืองเพชร เวชวิทย์
